การใช้เครื่องมือและเทคนิค ตอน 1
บทความในขั้นกลางนี้จะเริ่มเน้นการใช้เครื่องมือ และเทคนิคต่างๆ มากขึ้น ถ้าน้องๆ หรือเพื่อนๆ ที่ยังไม่เคยใช้ หรือ รู้จักกับโปรแกรม Photoshop มาก่อน ให้กลับไปอ่านบทความขั้นพื้นฐาน ซึ่งมีด้วยกันสองตอนก่อนนะครับ เพราะบทความนี้จะต่อเนื่องจากขั้นพื้นฐาน
การปรับแต่งภาพ Retouch and Heal (continue from basic part)
Patch Tool เป็นเครื่องมือตัวหนึ่ง ซึ่งอยู่ในกลุ่มเดียวกับ Spot and Heling Bursh Tool การทำงานของเครื่องมือนี้จะเป็นการแก้ไขวัตถุบนภาพที่แนบเนียนมากเพราะจะไม่ทิ้งร่อยรอยให้เห็นว่ามีการปรับแต่ง
วิธีการใช้เครื่องมือ เมื่อเลือกเครื่องมือแล้ว เม้าส์จะเปลี่ยนเป็นเหมือนกับรูปเครื่องมือ และมีลูกศรอยู่ด้านบน ให้ทำ Selection โดยการลากเส้น Selection ล้อมรอบวัตถุที่ต้องการแก้ไข เช่น ลบ หรือ เพิ่ม แล้วคลิกลากไปยังตำแหน่งใหม่
อุปกรณ์ของเครื่องมือนี้สองแบบ ลักษณะการทำเหมือนกันแต่ผลที่ได้จะต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการของชิ้นงานด้วยว่าต้องการแบบใหน เพราะดีทั้งสองตัว แต่ต้องเลือกให้เหมาะกับการใช้งานนั้นๆ
แบบที่หนึ่ง เป็นแบบธรรมดา Normal / แบบที่สอง เป็นแบบ Content-Aware
การแก้ไขโดยใช้เครื่องมือ Patch แบบ Normal มีเทคนิคการทำอยู่สองลักษณะ คือ Source กับ Destination
Source = เมื่อเรากำหนด Selection แล้ว ให้ลากไปยังจุดที่ต้องการภาพมาทดแทนส่วนที่เราทำ Selection ไว้
Destination = ลักษณะเหมือน Source แต่จะเป็นการลากเพื่อนำส่วนที่ทำ Selection ไปวางไว้ที่อื่น เหมือนกับเป็นการเพิ่มสิ่งนั้นลงบนภาพ
การแก้ไขโดยใช้เครื่องมือ Patch แบบ Content-Aware ลักษณะนั้นจะเหมือนกัย Patch แบบ Normal แต่จะสามารถกำหนดคุณสมบัติในการจัดการกับภาพได้อีก 5 แบบ ได้แก่ Very Strict, Strict, Medium, Loose, Very Loose ถามว่าต้องใช้แบบใหน ตอบยากครับ เพราะต้องลองใช้ขณะนั้นว่ากำหนดแบบใหมเหมาะกับชิ้นงานทีเรากำลังทำมากที่สุด
Content-Aware Move Tool เครื่องมือนี้จะคล้ายกับ Patch แบบ Normal ที่เป็นลักษณะ Destination แต่ถ้าเปรียบเทียบกันแล้ว เครื่องมือนี้จะดีกว่า ภาพที่ได้จะออกมาสมจริงกว่า เพราะจะมีการปรับสภาพรอบๆ Selection ให้ใกล้เคียงมากที่สุด พร้อมทั้งยังมีเครื่องมือเสริม นั่นคือ Extend คือการยืด หรือขยายวัตถุนั่นเอง
Content-Aware Scale Tool ใช้ในกรณีที่ต้องการยืดพื้นที่ของภาพโดยที่ไม่กระทบกับส่วนที่เราได้ทำได้ทำ Selectin คลุมไว้ เครื่องมือนี้จะอยู่ที่โปรแกรมเมนูของ Photoshop เลือกโปรแกรมเมนู Edit เลือก Content-Aware Scale เทคนิคการใช้เครื่องมือนี้ เริ่มแรกจะต้องการเพิ่ม Canvas ให้กับภาพก่อน (การเพิ่ม Canvas หมายถึงการเพิ่มทีว่างให้กับภาพ) จากนั้นต้องทำ Selection และตั้งชื่อให้ Selection สำหรับส่วนที่ไม่ต้องการให้กระทบก่อนที่จะใช้เครื่องมือ แล้วให้เลือก Protect เป็นชื่อ Selection ที่เราตั้งชื่อไว้ เทคนิคอีกอย่างในการใช้เครื่องมือนี้ คือ อย่าทำการยืดพื้นที่ให้เสร็จในครั้งเดียว ให้ทำแบบค่อยๆ ยืดพื้นที่ และทำซ้ำหลายๆ ครั้ง จะได้ภาพที่สมจริงที่สุด
การปรับแต่งภาพโดย Level Adjustment
เครื่องมือ Level Adjustment ใช้สำหรับปรับ Contrast ของภาพได้ดีเครื่องมือหนึ่ง คีย์ลัดของเครื่องมือนี้ คือ Ctrl + L
วิธีการปรับทำได้โดย การเลื่อนปุ่ม Shadow (ปุ่มซ้ายมือ) Midtone (ปุ่มกลาง) และ Highlight (ปุ่มขวา) เมื่อเปิดเครื่องมือขึ้น จะแสดงให้เห็นถึงความ Contrast ของภาพที่เราเปิดอยู่ว่าเป็นอย่างไร ทำให้เราสามารถทำการปรับได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่เลื่อนปุ่ม Shadow และ Highlight ให้เข้าใกล้กับจุดเริ่มต้นแต่ละด้านของกร๊าฟ Histogram ให้มากที่สุด สำหรับ Midtone เป็นการปรับเสริมโดยการเลื่อนไปด้านใดด้านหนึ่งให้ได้ภาพที่ดีที่สุด สำหรับมือใหม่ถ้ายังไม่แน่ใจว่าควรปรับเท่าไร ให้ใช้เมนู Auto โดยการคลิกที่ปุ่ม Auto ก็จะได้ภาพที่ Contrast โดยอัตโนมัติ
การปรับด้วยเครื่องมือ Level นี้ จะเลือกการปรับที่สีรวมของภาพ (RGB) หรือจะเลือกปรับจากแต่ละสี Red Green Blue ก็ได้ โดยการคลิกช่อง RGB ที่เห็น รายการก็เลื่อนลงมาให้เราเลือก
Output Level เป็นเครื่องมือเสริมของ Level Adjustment หน้าที่ของตัวนี้ทำได้หลายอย่าง เช่น ช่วยลด Saturate (ความอิ่มตัวของสี) ของภาพ หรือ ลดความเบลอก็ได้ แต่ทั้งนี้ต้องใช้หลังจากการปรับด้วยเครื่องมือหลักแล้ว (ผู้ใช้เครื่องมือนี้ต้องมีความชำนาญในการแต่งภาพพอสมควร)
การปรับความคมชัดของภาพ Sharpening Filter
เครื่องมือที่ใช้ในการปรับความคมชัดของภาพมีอยู่ด้วยกันหลายเครื่องมือ จะแนะนำไปเรื่อยๆ ที่ละตัวSmart Sharpen เครื่องมือแรกที่จะแนะนำนี้ เป็นเครื่องมือปรับความชัดของภาพ โดยเปิดจากโปรแกรมเมนู Filter เลือก Sharpen เลือก Smart Sharpen จะได้หน้าต่างเครื่องมือดังภาพ (ก่อนใช้เครื่องมือต้องทำให้เลเยอร์นั้นเป็น Smart Filter ก่อน โดยการเลือกโปรแกรมเมนู Filter เลือก Smart Filter)
Default ของโปรแกรม จะตั้งเป็น Basic และค่าต่างๆ ก็ตามที่เห็นในภาพ วิธีเช็คว่าค่า Default นี้ปรับแล้วภาพคมชัดขึ้นหรือไม่ สามารถทำได้สองแบบ โดยการนำเครื่องหมายในช่อง Preview ออก ก็จะเห็นภาพก่อนการปรับที่จอภาพ หรือคลิกค้างไว้ที่ภาพในกรอบของเครื่องมือ ก็จะได้เห็นภาพก่อนการปรับเช่นกัน
การตั้งค่า :
Amount เป็นตัวเลขเปอร์เซ็นต์การปรับความคมชัด ซึ่งปรับได้ตั้งแต่ 1 - 500% การตั้งค่าควรตั้งให้สูง ไว้ก่อน ไม่ต้องกังวลว่าจะเกิด Noise (จุดสี) มากแค่ใหน ขอให้ดูแล้วภาพนั้นยังคงรายละเอียดของภาพไว้ได้ก็พอ จากนั้นค่อยปรับลด Noise โดยการคลิกสัญญลักษณ์ของ Smart Filter บนเลเยอร์ และปรับค่า Blending Option (Smart Sharpen) ให้เป็น Luminosity และ Opacity ที่เหมาะสม
Radius ภาพที่ปรับ Amount สูง จะเกิดการเติมสีให้กับภาพ เรียกว่ารัศมี (Halo) จึงต้องใช้ Radius เป็นตัวช่วยลด
Remove ใช้สำหรับการลบความเบลอของภาพ ที่เกิดจากการเบลอแต่ละประเภท ได้แก่ Gaussian, Len, และ Motion Blur (Gaussian มักเกิดจากการแสกนภาพ และภาพที่มีการปรับแต่ง, Len blur กับ Motion blur เกิดจากการปรับเลนส์ และความสั่นของกล้อง สิ่งสำคัญ ถ้าทำการลบความเบลอแบบ Motion blur อย่าลืมปรับองศา หรือทิศทางที่เกิดความเบลอให้ตรงกับทิศทางของ Motion blur ด้วย)
More Accurate คือการเพิ่ม Noise หรือเม็ดสีให้กับภาพเพื่อเพิ่มความคมชัดมากขึ้น การทำลักษณะนี้จะเหมาะกับภาพที่ต้องการเพิ่มความคมชัดให้กับภาพที่มีรายละเอียดของภาพมากๆ เช่นลายของหนังสัตว์
การบันทึกการตั้งค่าเครื่องมือ Smart Sharpen สามารถบันทึกค่าที่เราปรับเองได้ โดยการคลิกไอคอน Save บนเครื่องมือ แล้วทำการตั้งชือ รายการที่บันทึกไว้ก็จะรวมอยู่ในรายการ Setting
การลบการตั้งค่า เลือกรายการในช่อง Setting แล้วคลิกทีไอคอนถัง
เทคนิค * ถ้าต้องการใช้ภาพที่ปรับความคมชัดนี้เพื่อการพิมพ์ หลังจากที่ปรับค่า Amount และ Radius ได้แล้ว ให้เพิ่มตัวเลขขึ้น Amount ขึ้นอีก 50% และ Radius อีกสามเท่า
Sharpening with the Emboss filter เครื่องมือเพิ่มความคมชัดของภาพ และลดความเบลอซึ่งเกิดจากการสั่นของกล้อง เปิดใช้เครื่องมือโดย โปรแกรมเมนู เลือก Filter เลือก Stylize เลือก Emboss จะได้หน้าต่างเครื่องมือดังภาพ ปรับค่า Angle ให้ตรงกับทิศทางของการสั่นของกล้อง, Amount ปรับเปอร์เซ็นต์ให้สูงไว้ก่อน จากนั้นค่อยปรับลดโดยการคลิกสัญญลักษณ์ของ Smart Filter บนเลเยอร์ และปรับค่า Blending Option (Emboss Filter) ให้เป็น Linear Light และ Opacity ที่เหมาะสม
Sharpening with High Pass filter โปรแกรมเมนูเลือก Filter เลือก Other เลือก High Pass ลักษณะการปรับความคมชัดของเครื่องมือนี้ คือ โปรแกรมจะใส่สีเทาลงไปในทุกส่วนที่เป็นขอบของภาพ เหมาะสำหรับภาพที่มีการเบลอประเภท Gaussian Blur
การปรับค่า Radius ตั้งไว้ประมาณ 1.5 Pixels จากนั้นค่อยปรับลดโดยการคลิกสัญญลักษณ์ของ Smart Filter บนเลเยอร์ และปรับค่า Blending Option (High Pass) ให้เป็น Linear Light และ Opacity ที่เหมาะสม
Sharpen Tool เป็นเครื่องมือตัวหนึ่งที่อยู่ในแถบเครื่องมือของโปรแกรม Photoshop ใช้สำหรับเพิ่มความคมชัดของภาพ
วิธีการใช้เครื่องมือ ทำโดยเมื่อเลือกเครื่องมือแล้ว ให้ทำการทาลงไปบนส่วนของวัตถุ หรือ ส่วนของภาพที่ต้องการให้เกิดความคมชัดเพิ่มขึ้น การใช้เครื่องมือนี้ ส่วนมากจะเป็นลักษณะที่ต้องการเพิ่มให้กับบางส่วนของภาพเพียงเล็กน้อยเท่านั้น สิ่งสำคัญ ต้องสร้างเลเยอร์ใหม่ขึ้นมาก่อนเพื่อเก็บสิ่งที่เราทาไว้ในเลเยอร์นี้ (เพื่อป้องกันการทำลายภาพ Non Destructive) และคลิกเลือก Sample All Layers ที่แถบควบคุมเครื่องมือเพื่อจะได้สามารถทาได้กับทุกเลเยอร์ ส่วนการเลือก Protect Detail เป็นการบอกให้เครื่องมือรักษารายละเอียดของภาพไว้ด้วย เพราะการเพิ่มความชัดด้วยเครื่องมือนี้ รายละเอียดของภาพอาจลดลงได้ ขั้นตอนสุดท้ายปรับ Blend Mode ของเลเยอร์นั้น ให้เป็น Luminosity
การสร้างตัวหนังสือ Creating and Formatting Text
เครื่องมือนี้อยู่ในแถบเครื่องมือของโปรแกรม Photoshop CS6 คีย์ลัดของเครื่องมือนี้ คือ T พร้อมทั้งมีแถบควบคุมเครื่องมือเพื่อตั้งค่าต่างๆ ได้มากมาย เริ่มจากซ้ายสุด คือ การตั้ง Font Family หรือ ประเภทของตัวหนังสือ ถัดไปก็เป็นแบบตัวหนังสือ, ขนาดตัวหนังสือ ช่องถัดไปใช้สำหรับเลือกการปรับชนิดของขอบตัวหนังสือ ถัดไปก็เป็นการจัด Paragraph, สีตัวหนังสือ, ที่เห็นเป็นไอคอนตัว T และเส้นโค้งอยู่ด้านล่าง (Create Warped Text) ก็คือการใส่ลักษณะการบิดต่างๆ ให้กับตัวหนังสือ, ไอคอนสุดท้ายคือ การเปิด Character and Paragraph Panels เพื่อเพิ่มเทคนิคการแต่งตัวหนังสือ
เทคนิค การจัด Paragraph มีคีย์ลัดให้เราใช้ได้อย่างรวดเร็ว ดังนี้
- Ctrl + R = การจัด Paragraph ให้อยู่ชิดด้านขวา
- Ctrl + C = การจัด Paragraph ให้อยู่ตรงกลาง
- Ctrl + V = การจัด Paragraph ให้อยู่ชิดด้านซ้าย
เทคนิคการเพิ่มขนาดตัวหนังสือ ให้คลุมเลือกที่ตังหนังสือ
- กดปุ่ม Ctrl + Shift + กดปุ่ม . (period) แต่ละครั้งจะเป็นการเพิ่มขนาด 2 point
- กดปุ่ม Ctrl + Shift + กดปุ่ม , (comma) แต่ละครั้งจะเป็นการลดขนาด 2 point
- ถ้าต้องการเพิ่ม หรือ ลดขนาด ครั้งละ 10 point ให้เติมปุ่ม Alt เข้าไปด้วย
- ถ้ามีการเพิ่มขนาดภาพ ขนาดตัวหนังสือที่อยู่บนภาพ จะเพิ่มขนาดโดยอัตโนมัติ
เทคนิคการเลือกตัวหนังสือ
- คลิกหนึ่งครั้งเป็นการเลือกตัวหนังสือตัวเดียว
- คลิกสองครั้งเป็นการเลือกตัวหนังสือคำเดียวที่ติดกันในประโยค
- คลิกสามครั้งเป็นการเลือกตัวหนังสือทุกคำที่ไม่ติดกัน หรือ ทั้งประโยค หรือ ทำได้โดยการ กดปุ่ม Ctrl + A เมื่อเม้าส์คลิกอยู่ที่แถบตัวหนังสือก็ได้เช่นกัน
- ซ่อนแถบแสงที่คลุมตังหนังสือเมื่อทำการเลือก เพื่อให้เห็นตัวหนังสือได้ชัดเจน โดยการกดปุ่ม Ctrl + H
เทคนิคการเปลี่ยนสีตัวหนังสือ
- ให้คลิกที่ช่องสีบนแถบควบคุมเครื่องมือ จะปรากฏหน้าต่าง Color Picker ขึ้นมาให้เลือก
- หรือถ้าจะไม่เลือกสีใน Color Picker และต้องการเลือกจากสีที่อยู่ในภาพแทน ให้เลื่อนเม้าส์มาที่ภาพ (ขณะที่หน้าต่าง Color Picker เปิดอยู่) เม้าส์จะเปลี่ยนเป็นรูปหลอดดูดสี ทำการคลิกตำแหน่งที่ต้องการเลือกสี
- อีกเทคนิคหนึ่งคือ การกดปุ่ม Alt + Backspace จะเป็นการนำสี Foreground มาแทนที่สีเดิมของตัวหนังสือ
การยอมรับตัวหนังสือ หมายถึงเวลาที่เราพิมพ์เสร็จแล้ว ให้เรากด Enter (Desktop ใช้ปุ่ม Enter ที่ตั้งรวมอยู่กับแป้นปุ่มตัวเลขของคีย์บอร์ด เพราะถ้าใช้ Enter ในส่วนอื่นจะเป็นการขึ้นบรรทัดใหม่ สำหรับ Notebook ให้กดปุ่ม Ctrl + Enter) หรือ ใช้วิธีกดที่เครื่องหมายถูกบนแถบควบคุมเครื่องมือตัวหนังสือ
การแก้ไขตัวหนังสือ คลิกที่แถบตัวหนังสือและเลือกแก้ไข ดับเบิ้ลคลิกที่ตัวหนังสือ หรือ ที่รูปตัว T บนเลเยอร์ตัวหนังสือ จะเป็นการเลือกทั้งประโยค สามารถพิมพ์ข้อความใหม่ได้ทั้งหมด
- ถ้าต้องการลบให้ใช้ปุ่ม Del หรือ Backspace
- ถ้าต้องการเพิ่มตัวหนังสือก็พิมพ์เพิ่มได้เลย
- ถ้าต้องการเปลี่ยนสี เปลี่ยนรูปแบบตัวหนังสือ หรือเปลี่ยนอะไรก็ตามที่เป็นการแก้ไขทั้งข้อความ ให้คลุมตัวหนังสือนั้นก่อน แล้วเลือกสิ่งที่ต้องการจะเปลี่ยน
- ถ้าเปลี่ยนใจต้องการยกเลิกการแก้ไข ให้กดปุ่ม Esc
- ถ้าต้องการเปลี่ยนตำแหน่งตัวหนังสือ ให้กดปุ่ม Ctrl + คลิกที่ตัวหนังสือโดยตรง หรือ ใช้เครื่องมือ Move Tool คีย์ลัด V คลิกที่เลเยอร์ตัวหนังสือ แล้วนำเม้าส์ไปคลิกลากที่ตัวหนังสือ เพื่อลากไปยังตำแหน่งที่ต้องการก็ได้เช่นกัน
การปรับแต่งตัวหนังสือ Kerning and Tracking Characters โดยใช้เครื่องมือ Character Panel และ Paragraph Panel คีย์ลัดคือ Ctrl + T
- ประเภทตัวหนังสือ
- แบบตัวหนังสือ
- ความสูงของตัวหนังสือ ถ้าต้องการเฉพาะตัวหนังสือตัวเดียว ให้คลุมที่ตัวหนังสือตัวนั้น (คีย์ลัด Shift + Up or Down arrow)
- ระดับความสูงแต่ละบรรทัด (คีย์ลัด Alt + Up or Down arrow ถ้าต้องการเปลี่ยนครั้งละมากๆ ให้เพิ่มปุ่ม Ctrl )
- ช่องไฟของตัวหนังสือในประโยค...ถ้าปรับแต่งโดยการเลือกเฉพาะเจาะจงตัวหนังสือ ให้คลิกที่หน้าตัวหนังสือที่ต้องการปรับก่อน...ถ้าต้องการปรับทั้งคำ หรือ ประโยค ให้เลือกตัวหนังสือทั้งหมดก่อนทำการปรับ (ตัวเลือก Optical ในการปรับช่องไฟ เป็นการสั่งให้โปรแกรมช่วยจัดให้ดีขึ้นอีก หลังจากที่เราปรับ)
- ความกว้างของตัวหนังสือ (ถ้าต้องการเฉพาะตัวหนังสือ ให้คลุมที่ตัวหนังสือนั้น)
- ปรับระดับตัวหนังสือในคำ หรือในประโยค ให้สูง หรือ ต่ำกว่า ในแนวเดียวกัน สามารถใช้ได้กับ ตัวหนังสือบนเส้น Path เช่นกัน (คีย์ลัด Shift + Alt + Up or Down arrow)
เทคนิค ถ้าต้องการเปลี่ยน Point Text ให้เป็น Paragraph Text ทำโดยคลิกที่เลเยอร์ของ Point Text ใช้โปรแกรมเมนู Type เลือก Convert to Paragraph Tex
การสร้าง Area Text (Paragraph Text) คือการกำหนดพื้นที่เฉพาะสำหรับการพิมพ์ตัวหนังสือ เมื่อเลือกเครื่องมือ T แล้ว ให้ทำการคลิกลากเส้นขอบเขตพื้นที่ที่จะทำการพิมพ์
การสร้างตัวหนังสือภายในเส้น Path
ขั้นแรกต้องสร้างเส้น Path ขึ้นมาก่อน จะสร้างจากเครื่องมือใดก็ได้ จากนั้นเลือกเครื่องมือ T คลิกเม้าส์ให้อยู่ภายในขอบเขตของเส้น Path คลิก แล้วทำการพิมพ์ข้อความที่ต้องการ เลือกรูปแบบ Paragraph ว่าจะให้แสดงแบบใหน เช่น ชิดซ้าย กึ่งกลาง หรือ ด้านขวา Paragraph นั้นก็จะจัดรูปแบบ และแนบชิดกับของของเส้น Path ตามที่กำหนด
T = เครื่องมือ Type
การสร้างตัวหนังสือบนทางเส้น Path
วิธีนี้เป็นการพิมพ์ตัวหนังสือให้อยู่บนทางของเส้น Path ที่เราสร้างไว้ ไม่ว่ารูปทรงของ Path ที่เราสร้างไว้จะเป็นรูปอะไร ตัวหนังสือก็จะวางอยู่ตามทางเส้น Path นั้น
วิธีทำ เมื่อสร้างเส้น Path เสร็จแล้ว เลือกเครื่องมือ T คลิกเม้าส์บนกึ่งกลางของเส้น Path เริ่มพิมพ์ข้อความที่ต้องการ เสร็จแล้ว Enter ขณะที่พิมพ์จะเห็นปลายด้านหนึ่งเป็นเครื่องหมาย x นั่นคือจุดเริ่มต้นของการพิมพ์ และอีกด้านเป็นวงกลม นั่นคือจุดสิ้นสุดการพิพม์ ถ้าต้องการเลื่อนตัวหนังสือบนเส้น Path ให้กดปุ่ม Ctrl แล้วคลิกที่เครื่องหมาย x แล้วลากเลื่อนไปตามแนวตำแหน่งของเส้น Path
การสร้าง Paragraph Style วิธีเปิดใช้เครื่องมือ คือ โปรแกรมเมนู เลือก Type เลือก Panel เลือก Paragraph Style Panel จะได้กรอบเครื่องมือตามภาพ
- ถ้าต้องการให้ Style ที่สร้างไว้ใน Paragraph Text เก็บไว้เป็น Paragraph Style Panel ทำโดยคลิกเลือก Paragraph Text ที่สร้างไว้ เปิดเครื่องมือ Paragraph Style Panel คลิกไอคอน Create New Paragraph Style ซี่งอยู่ข้างรูปถัง จะได้แถบชื่อ Paragraph Style 1 ดับเบิ้ลคลิกเพื่อตั้งชื่อ
- ถ้าต้องการใช้ Paragraph Style กับ Paragraph Text อื่นๆ ทำโดยคลิกที่เลเยอร์ Paragraph Text ที่ต้องการใช้ Paragraph Style ที่สร้างไว้ เปิดเครื่องมือ Paragraph Style Panel คลิกที่ Style ที่สร้างไว้ กดปุ่ม Clear Override แค่นี้ Paragraph Text ก็จะเปลี่ยนไปตาม Paragraph Style ที่เราเลือก
- ถ้าต้องการสร้าง Paragraph Style เพื่อมาใช้กับ Paragraph Text ทำโดยเปิดเครื่องมือ Paragraph Style Panel คลิกที่ไอคอน Create New Paragraph Style ดับเบิ้ลคลิกที่แถบ Paragraph Style 1 ทำการตั้งค่า และตั้งชื่อให้กับ Style นั้น
- ถ้าต้องการแก้ไข Style ของ Paragraph Text นั้นๆ ทำโดยคลิกเลือกที่ Paragraph Text ที่จะแก้ไข แก้ไขการตั้งค่าบนแถบควบคุมเครื่องมือของ Text ให้สังเกตุชื่อ Style ในเครื่องมือ Paragraph Style จะมีเครื่องหมาย + (หมายถึงมีการ Override) คราวนี้ให้กดเครื่องหมายถูก หรือ Redefine Paragraph Style แทน
การสร้าง Character Style เหมือนกับการการสร้าง Paragraph Style ทุกอย่าง ต่างกันนตรงที่ทำในรูปของ Point Text
การใช้รูปแบบในการปรับแต่งตัวหนังสือให้สวยงาม Applying and Creating Text Style
โปรแกรม Photoshop CS6 เมื่อเราสร้าง Style ของตัวหนังสือ หรือภาพ สามารถบันทึกเก็บไว้ใน Style Panel และถ้าต้องการใช้ก็เพียงคลิกที่ Style นั้น เช่น ถ้าต้องการให้ Style ที่ได้สร้างไว้กับตัวหนังสือ ให้คลิกที่ Text Layer นั้น แล้วคลิกที่ Style ที่ต้องการ... วิธีเปิดใช้ Style Panel ทำโดยโปรแกรมเมนู Window เลือก Style
การสร้างรูปทรง Drawing Shapes
เครื่องมือสร้างรูปทรง Shape Tools มีอยู่ด้วยกัน 6 แบบ ได้แก่ Rectangle, Rounded Rectangle, Ellipse, Polygon, Line และ Custom Shape Tool เริ่มต้นให้คลิกเลือกเครื่องมือแต่ละแบบบนแถบเครื่องมือ แล้วทำการลากลงรูปทรงนั้นลงบนภาพ หรือพื้นที่ที่ต้องการ
รูปทรงแต่ละรูปแบบสามารถเติมสี Fill และ เส้นขอบ Stroke ได้ โดยการเลือกกำหนดจากแถบควบคุมเครื่องมือของแต่ละแบบ รวมทั้งยังสามารถกำหนดขนาด และ รูปร่างของเส้นขอบได้ด้วย
รูปทรงแต่ละรูปแบบสามารถเติมสี Fill และ เส้นขอบ Stroke ได้ โดยการเลือกกำหนดจากแถบควบคุมเครื่องมือของแต่ละแบบ รวมทั้งยังสามารถกำหนดขนาด และ รูปร่างของเส้นขอบได้ด้วย
Rectangle Tool รูปทรงจะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า
Rounded Rectangle Tool รูปทรงจะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า แต่มุมทั้งสี่ด้านจะมน
Ellipse Tool รูปทรงจะเป็นทรงรี
Polygon Tool รูปทรงจะเป็นห้าสี่เหลี่ยม
Line Tool รูปทรงจะเส้นตรง
Custom Shape Tool รูปทรงจะเป็นอิสระ
เทคนิค ควรคลิกเลือก Align Edges ทุกครั้ง
การเพิ่มรูปทรงในเลเยอร์เดียวกัน ให้คลิกเลือกไอคอน Path Operation เลือก Combine Shape ทำการลากรูปทรงเพิ่มเติม หรือจะใช้วิธีกดปุ่ม Shift ก็ได้
การคัดลอกรูปทรง คลิกที่รูปทรงที่สร้างไว้ กดปุ่ม Ctrl + Alt จะเห็นเม้าส์มีเครื่องหมายบวก แล้วลากออกมาวางไว้ยังส่วนที่ต้องการ
การจัดเรียงรูปทรง ถ้ารูปทรงเหล่านั้นอยู่ในเเลเยอร์เดียวกันทั้งหมด เลือกเครื่องมือ Patch Selection Tool ทำการลากให้ครอบคลุมทุกรุปทรง เสร็จแล้วให้เลือกเมนู Path Alignment บนแถบเครื่องมือ Shape Tool แล้วเลือก Align to Selection เลือกการจัดตำแหน่งรูปทรงที่ต้องการจัดเรียง
การสร้างรูปดาวจาก Polygon Tool เมื่อเลือกเครื่องมือแล้ว ให้คลิกไอคอนรูปเฟืองที่แถบควบคุมเครื่งอมือ คลิกเลือกคำเป็น Star เมื่อลากรูปทรงก็จะได้รูปดาว
การบันทึกรูปทรง สร้างรูปทรงที่ต้องการ แล้วใช้โปรแกรมเมนู เลือก Edit เลือก Define Custom Shape ทำการตั้งชื่อ ก็จะได้รูปทรงเก็บไว้ใช้ รูปทรงที่เก็บจะถูกเก็บไว้ที่ส่วนของเครื่องมือ Custom Shape Tool
เมื่อคลิกที่ลูกศรของ Shape บนแถบเครื่องมือ รายการรูปทรงต่างๆ ก็จะเปิดออกมาให้เลือก พร้อมทั้งรูปทรงที่เราได้สร้างด้วย
การสร้างเส้นขอบ Stroke แบบเส้นประหรือจุด Dashed or Dotted Border
ให้เลือกไอคอน Set Shape Stroke Type บนแถบควบคุมเครื่องมือ เมื่อคลิกแล้วจะมีรูปแบบต่างๆ ให้เลือก หรือจะสร้างขึ้นใหม่ พร้อมทั้งบันทึกการปรับแต่งไว้ด้วยก็ได้ โดยการคลิกปุ่ม More Option จะได้หน้าต่าง Stroke ดังภาพที่สองให้ทำการตั้งค่าเส้น Stoke ในส่วนของ Dash ขนาดความยาว และ Gap ขนาดของช่องว่างแต่ละ Dash (การตั้งค่า Dash = 0 คือ รูปทรงกลม)
Path Operation บนแถบควบคุมเครื่องมือ คือ การเพิ่ม การรวม การหักลบ การไม่รวมส่วนที่ตัดกัน การเลือกเฉพาะส่วนที่ตัดกัน เหมือนกับการทำ Selection , สำหรับ Merge Shape Component เป็นการรวมหลาย Path บนเลเยอร์เดียวกันให้เป็น Path เดียว
เทคนิค กดปุ่มเครื่องหมาย Bracket [ หรือ ] ขณะที่อยู่ในเครื่องมือ Shape Tool กดแต่ละครั้ง จะเป็นการเพิ่ม Sides (เหลี่ยม) ของเครื่องมือ Polygon / ดับเบิ้ลคลิกที่ Layer Shape เป็นการเรียกหน้าต่าง Color Piker
ขอบคุณสำหรับเนื้อหาสาระดีๆ.. เป็นเรื่องที่ดีนะทีมีคนเขียนเนื้อหาที่เป็นพื้นฐานแบบนี้ เพราะมันเป็นเรื่องที่สำคัญมาก(ในความคิดของผมนะ) ไม่ใช่ว่าจะหลับหูหลับตาเขียนแต่ Tip เทคนิคการทำ โน่น,นี่,นั่น แล้วก็ไม่บอกด้วยว่าไอ้ที่ให้คนอ่านทำตามนั้นมันคืออะไร??
ตอบลบเปิดมั่วๆมาเจอ..แต่ก็ประทับใจในวิธีการนำเสนอที่เข้าใจง่าย
From : Boo!!!... http://booiii.blogspot.com/ (System Windows)
thank you
ตอบลบเรียนรู้และเข้าใจง่ายดีครับ...ถือเป็นวิทยาทาน ที่ดีเยี่ยมครับ......ขอบคุณครับ
ตอบลบขอคำแนะนำจากท่าผู้รู้ครับ ??? ผมจะดึงภาพจาก powerpoint มำทำใน photoshopcs6 แต่พอเลือก
ตอบลบpreset คลิปบอด(clipboard) มันไม่ทำงาน หรือกดเลือกไมได้......ขอความกรุณาจากท่านผู้รู้ด่วนครับ
ขอขอบพระคุณมากๆครับ
ตอบ คุณ นน
ตอบลบเท่าที่รู้การนำไฟล์จาก ppt มาที่ photoshop จะต้องบันทึก slide นั้นให้เป็นไฟล์ภาพ ไม่ว่าจะเป็นไฟล์ภาพประเภทใดก็ได้ แล้วค่อยนำมาที่ photoshop เพื่อปรับแต่ง โดยการบันทึก และ เปิดไฟล์ตามปกติ ต้องขอโทษจริงๆ เพราะไม่รู้วิธีตามที่ถามมาว่าทำยังไงครับ
เพื่อนๆ คนใหนพอรู้วิธีช่วย post ข้อความต่อด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
ขอคุณมากครับ.ๆๆๆ
ตอบลบรบกวนนิดครับ ถึงเป็นไฟล์ภาพ(jp) preset ไปที่ เมนู คลิปบอด(clipboard) มันก็ไม่ทำงาน หรือกดเลือกไม่ได้......ครับ
ตอบลบตอบ คุณนน
ตอบลบลองใช้วิธีเปิดไฟล์ภาพตามปกติดูครับ โดยการเปิดจากเมนู file > open ตามธรรมดาที่โปรแกรม photoshop เพื่อนำภาพเข้ามาที่ phtoshop หลังจากที่ทำการบันทึกไฟล์จาก ppt ให้เป็น ไฟล์ภาพแล้ว เมื่อปรับแต่งที่ photoshop เสร็จแล้วค่อยนำไปใส่ที่ ppt เหมือนเดิม