แต่งภาพตามความฝัน slide 1 title

เติมความคิดให้กับภาพ ตามอารมภ์ที่ล่องลอย บวกกับใจที่แสนรัก

This is default featured slide 2 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.This theme is Bloggerized by Lasantha Bandara - Premiumbloggertemplates.com.

This is default featured slide 3 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.This theme is Bloggerized by Lasantha Bandara - Premiumbloggertemplates.com.

This is default featured slide 4 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.This theme is Bloggerized by Lasantha Bandara - Premiumbloggertemplates.com.

This is default featured slide 5 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.This theme is Bloggerized by Lasantha Bandara - Premiumbloggertemplates.com.

This is default featured slide 5 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.This theme is Bloggerized by Lasantha Bandara - Premiumbloggertemplates.com.

วันอังคารที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

premiere pro : transition effect


ช่วงนี้กำลังเน้นทำวีดีโอด้วยโปรแกรม Premiere Pro เวอร์ชั่นที่ผมใช้ คือ CS6 เลยนึกได้ว่าน่าจะเขียนบทความเกี่ยวกับบางส่วนของโปรแกรมบ้าง จึงได้เขียนเกี่ยวกับ Effect ต่างๆ ของโปรแกรม บทความนี้จะเป็นในส่วนของ Video Transition Effect แต่ละตัวก็ทำให้ video clip ของเราสวยงามอย่างเหลือเชื่อ ติดตามกันได้นะครับ สำหรับตอนท้าย ผมได้แนบ Video Link ที่ผม Upload ขึ้น YouTube ซึ่งเป็นวีดีโอสำหรับส่วนนี้ด้วยครับ

Video Transition Effects คือ การสร้างภาพเคลื่อนไหวให้กับ Video Clip ในรูปแบบต่างๆ โดยการใส่ Effect Transition ที่มีอยู่มากมาย ซึ่งสามารถวางตัวใหม่ทับตัวเก่าได้เลย ไม่ต้องเสียเวลาลบตัวที่ใส่ไว้ก่อนหน้าออก ดูรายละเอียดที่จัดทำให้สำหรับ Effect แต่ละตัวได้ครับ



หลักของ Transition Effect นั้น ถ้าใส่ในส่วนต้นของ Clip โดยส่วนมากจะเป็นการสร้างการเคลื่อนไหวเพื่อเปิดให้เห็นภาพของ Clip นั้นๆ และกลับกันถ้าใส่ไว้ที่่ส่วนท้ายของ Clip จะเป็นการปิดบังภาพของ Clip เพื่อให้เห็นแต่ส่วนของ Background มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 10 Effects

3D Motion 
Cube Spin = ภาพหมุนตามแนวนอนจากซ้าย ไป ขวา
Curtain = การยกม่านขึ้น
Doors = การปิดประตู
Flip Over = การกลับด้านตามแนวนอนทั้ง Canvas
Fold Up = การพับ
Spin = การเปิดออกจากส่วนกลาง
Spin Away = คล้ายกับ Flip Over แต่จะเกิดเฉพาะส่วนของภาพ ไม่รวม Background
Swing In = ภาพจะสวิงเปิดจากด้านซ้าย และแสดงจากด้านหลัง มาด้านหน้า
Swing Out = เหมือนกับ Swing In แต่จะแสดงจากด้านหน้า ไปด้านหลัง
Tumble Away = ภาพที่เห็นจะหมุน ดูแล้วเหมือนกับการโยนของจากที่สูงลงด้านล่างแล้วหายไป

Dissolve ลักษณะของ Effect นี้ เหมือนกับการทำให้ภาพละลายหายไป เพื่อให้เห็นสลับกันระหว่างตัวภาพ กับ Background
Additive Dissolve = เริ่มจากเห็นภาพ Background แล้วค่อยๆ ละลายหายไปจนเห็นภาพของ Clip โดยจะมีเทคนิคการเพิ่มสี และ หักลบสีจากระหว่าง Clip ที่ต่อเนื่องกัน
Cross Dissolve = ลักษณะเหมือนกับ Additive Dissolve มาก แต่ช่วงการแสดงจะช้ากว่านิดหน่อย
Dip to Black = เหมาะกับการใส่ไว้ที่ท้าย Clip อย่างเดียว เพราะจะเป็นการทำให้ภาพของ Clip ละลายหายไปจนเหลือแต่สีดำ
Dip White = เหมือนกับ Dip to Black แต่จะเหลือแต่สีขาว
Dither Dissolve = จะเห็นเป็นลายเส้นต่างๆ ก่อนเห็นภาพของ Clip
Film Dissolve = ลักษณะเหมือนกับ Additive และ Cross Dissolve มาก
Non-Additive Dissolve = Effect นี้ลองทำดูแล้ว ไม่เห็นเกิดอะไร ลองทำกันดูนะครับ
Random Invert = จะแสดงเป็นช่องสี่เหลี่ยมสีดำ และขาว จำนวนมากมายสลับกัน จากนั้นค่อยเห็นภาพของ Clip

Iris ชื่อก็บอกแล้วนะครับ ว่าลักษณะจะเป็นเหมือนกับการทำงานของรูม่านตา ที่มีลักษณะต่างๆ เพื่อทำให้เห็นภาพ โดยจะเริ่มจากการเปิดให้เห็นที่จากตรงกลาง แล้วขยายออกไปโดยมีลักษณะของกรอบในรูปแบบต่างๆ
Iris Box = กรอบสี่เหลี่ยมจัตุรัส
Iris Cross = กรอบรูปกากบาท
Iris Diamond = กรอบสี่เหลี่มขนมเปียกปูนแนวนอน
Iris Points = กรอบสี่เหลี่มขนมเปียกปูนแนวนอน และจะแสดงพร้อมกันทั้ง 4 ตำแหน่ง
Iris Round = กรอบจะเป็นรูปทรงกลม ส่วนด้านข้าง ซ้าย และขวาจะเป็นกรอบสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนแนวตั้ง
Iris Shapes = กรอบสี่เหลี่มขนมเปียกปูนแนวตั้ง และจะแสดงพร้อมกันทั้ง 3 ตำแหน่ง
Iris Star = กรอบเป็นรูปดาว 5 เหลียม

Page Peel ลักษณะของ Effect นี้เหมือนกับการฉีกกระดาษในรูปแบบต่างๆ 
Center Peel = การฉีกจากตรงกลางออกมาพร้อมกันทั้ง 4 ด้าน
Page Peel = การฉีกจากมุมบนซ้าย ลงที่มุมด้านล่างขวา
Page Turn = ตัวนี้เหมือนกับเปิดฉากที่ปิดภาพไว้ โดยจะเลื่อนเปิดจากมุมบนซ้าย ลงที่มุมด้านล่างขวา
Peel Back = การฉีกจากตรงกลางเหมือนกัน แต่จะเป็นการฉีกออกมาทีละด้าน
Roll Away = การม้วนภาพจากด้านซ้าย มาที่ด้านขวา ตามแนวนอน

Slide การตัดภาพ และ Background ออกเป็นชิ้น แล้วใส่ Effect การแสดงภาพในแบบต่างๆ เพื่อให้สุดท้ายแล้วมารวมกันเพื่อให้เห็นภาพของ Clip
Band Slide = ตัดภาพตามแนวนอนเป็นชิ้น แล้วเลื่อนจากด้านซ้าย และขวาพร้อมกัน เพื่อมารวมกัน
Center Merge = กรอบสี่เหลี่ยมใหญ่ แล้วลดขนาดเล็กลง
Center Split = กรอบสี่เหลี่ยม 4 กรอบแยกออกจากกัน
Multi-Spin = กรอบสี่เหลี่ยมหลายๆ กรอบ หมุนแล้วมาบรรจบรวมกัน
Push = การเลื่อนภาพโดยเริ่มจากด้านนอก Canvas ด้านซ้าย มาไว้ที่ตรงกลาง และถ้าใส่ Effect นี้ในส่วนท้ายด้วย ก็จะเลื่อนจากตรงกลางออกไปนอก Canvas ทางด้านขวา
Slash Slide = ภาพจะถูกเฉือนออกเป็นชิ้นเล็กๆ ตามแนวขวาง และเลื่อนที่ละชิ้นจากมุมบนซ้าย ลงมาที่มุมล่างขวา
Slide = คล้ายกับ Push Effect ส่วน Effect ที่ใส่ไว้ตอนท้ายของ Clip จะเป็นการเลื่อนฉากเข้ามาปิดแทนการเลื่อนออกไปนอก Canvas
Sliding Bands = จะเห็นเป็นลายเส้นวิ่งจากซ้ายมาขวา
Sliding Boxes = คือการตัดภาพเป็นแท่งตามแนวขวาง แล้วค่อยๆ เลื่อนมารวมกัน
Split = ทำการแยกออกเป็น 2 ฉาก แล้วเปิดออก โดยเริ่มการเปิดจากตรงกลาง
Swirl = จะเห็นเป็นกรอบสี่เหลี่ยมหลายๆ กรอบวิ่งหมุนวนทางขวา

Stretch คือ การยืดภาพออกในรูปแบบต่างๆ
Cross Stretch = การยืด และหดภาพออกจากด้านซ้าย ไปขวา
Stretch = เหมือนกับ Cross Stretch แต่ตอนท้าย ถ้าใส่ Effect นี้ จะต่างกันตรงที่จะไม่มีลักษณะของการหดเข้า จะเป็นการเลื่อนปิดภาพเท่านั้น
Stretch In = การยืดภาพออกอย่างรวดเร็ว แล้วหดกลับเข้าที่ จากนั้นก็จะจางหายไป
Stretch Over = คล้ายกับ Stretch In แต่การเคลื่อนภาพจะช้ากว่า

Wipe ลักษณะการเคลื่อนไหวของ Effect จะเป็นการกวาดภาพในลักษณะต่างๆ
Band Wipe = จะเห็นการตัดภาพออกเป็นแท่งสี่เหลี่ยมตามแนวนอน แล้วเลื่อนมาวางซ้อนกัน
Barn Doors = การเปิดภาพออกพร้อมกันทั้ง 2 ด้าน เหมือนการเลื่อนประตู
Checker Wipe = การกวาดภาพโดยที่แสดงเหมือนตาราง Checker board เลื่อนจากขวาไปซ้าย
CheckerBoard = เหมือนกับ Checker Wipe แต่จะไม่เคลื่อนที่ ค่อยๆ แสดงจนเต็ม Canvas
Clock Wipe = การเปิดภาพซึ่งมีลักษณะการกวาดภาพแบบตามเข็มนาฬิกา
Gradient Wipe = จะเป็นการเปิดภาพที่มีลักษณะเหมือนการใส่สี Gradient
Inset = จะเปิดภาพในลักษณะกรอบสี่เหลี่ยม จากมุมบนซ้ายลงมุมล่างขวา
Paint Splatter = เหมือนการแต้มพู่กันที่ละจุดจนเต็ม
Pinwheel = ลักษณะของ Effect จะคล้ายกับ Clock Wipe แต่ลักษณะของแกนที่ใช้เปิดจะมีมากกว่า 1 แกน
Radial wipe = คล้ายกับ Clock Wipe เช่นกัน แต่แกนหมุนจะเริ่มจากมุมบนซ้าย
Random Blocks = คล้ายกับ Checker Wipe และ Board ผสมกัน แต่มีขนาดเล็กกว่า
Random Wipe = เหมือนกับ Random Blocks แต่จะมีการกวาดจากบนลงล่าง
Spiral Boxes = ลักษณะเป็นแท่งวิ่งวนจากขวาไปซ้าย และบนลงล่าง โดยวนจากด้านนอกเข้าหากึ่งกลางจนเต็ม Canvas
Venetian Blinds = มีลักษณะเป็นแท่งแนวนอน แล้วค่อยๆ เปิดให้เห็นภาพ เหมือนกับการเปิดมู่ลี่ของหน้าต่าง
Wedge Wipe = การกวาดภาพโดยแกนจะเริ่มจากตรงกลาง Canvas แล้วเปิดขยายออกมาพร้อมกันเหมือนกับการกางแขนออก
Wipe = การกวาดเภาพจากทางด้านซ้ายมาขวา
Zig-Zag Blocks = คล้ายกับ Spiral Boxes แต่การวิ่งนั้นจะวิ่งแบบวนไปมาทีละชั้นจากด้านบนลงด้านล่าง

Zoom การใส่การซูมภาพแบบต่างๆ
Cross Zoom = เริ่มต้นจะเห็นภาพ Background ก่อน จากนั้นจะเริ่มซูมเข้าหาภาพที่ใส่ Effect แล้วซูมออกถ้ามีใส่ Effect ที่ส่วนท้ายของ Clip ด้วย
Zoom = ภาพจะลอยขึ้นมา พร้อมกับการซูมเข้า
Zoom Boxes = ภาพจะลอยขึ้นมาเหมือนกัน แต่จะแสดงในลักษณะของ Checker Board
Zoom Trails = ภาพที่เห็นจะเป็นการซูมออกทีละชั้น

อ่านมาถึงตอนท้ายนี้แล้ว แต่ก็ยังนึกภาพไม่ออกว่าลักษณะการเคลื่อนใหวของ Effect ต่างนั้นเป็นอย่างไร สามารถชมวีดีโอที่ผมจัดทำขึ้นได้ครับ