แต่งภาพตามความฝัน slide 1 title

เติมความคิดให้กับภาพ ตามอารมภ์ที่ล่องลอย บวกกับใจที่แสนรัก

This is default featured slide 2 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.This theme is Bloggerized by Lasantha Bandara - Premiumbloggertemplates.com.

This is default featured slide 3 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.This theme is Bloggerized by Lasantha Bandara - Premiumbloggertemplates.com.

This is default featured slide 4 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.This theme is Bloggerized by Lasantha Bandara - Premiumbloggertemplates.com.

This is default featured slide 5 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.This theme is Bloggerized by Lasantha Bandara - Premiumbloggertemplates.com.

This is default featured slide 5 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.This theme is Bloggerized by Lasantha Bandara - Premiumbloggertemplates.com.

วันศุกร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

โปรแกรม illustrator cs6




illustrator cs6


บทความที่เขียนนี้จะไม่ได้เขียนละเอียดมากนัก เพราะบางอย่างจะมีการใช้งานที่ค่อนข้างเหมือนกับโปรแกรม Photoshop ที่ได้เขียนไว้ให้อย่างละเอียดมาก ถ้าผู้อ่านไม่เคยใช้โปรแกรม Photoshop ขอให้อ่านทำความเข้าใจกับบทความนั้นก่อน แล้วมาอ่านบทความนี้จะทำให้เข้าใจได้ดีขึ้น

ก่อนที่จะเริ่มทำการสร้างภาพจากโปรแกรม Illustrator CS6 ขอแนะนำส่วนต่างๆ ของโปรแกรมเพื่อให้ได้เข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับส่วนต่างๆ เพื่อประกอบการใช้โปรแกรมได้อย่างครบถ้วน และเพื่อให้เกิดความสะดวกในการทำงานกับโปรแกรม

การเปิด Tool Option
บางครั้งต้องการทำการตั้งค่าเพิ่มเติมให้กับเครื่องมือแต่ละตัว จะต้องทำการตั้งค่าที่ Option ของเครื่องมือนั้น วิธีการเปิด Tool Option ทำได้โดยดับเบิ้ลคลิกที่ไอคอนเครื่องมือแต่ละแบบ หน้าต่าง Option ก็จะแสดงขึ้นมา

การตั้งค่าในส่วนของ Preference
ใช้สำหรับการตั้งค่าที่ต้องการให้เกิดกับโปรแกรม Illustrator CS6 ซึ่งเป็นค่าที่จะต้องใช้อยู่ประจำสำหรับการทำงานในโปรแกรมนี้ วิธีเปิด Preference ทำได้โดยเปิดจากเมนู Edit - Preference แล้วเลือกรูปแบบของ Preference ที่ต้องการปรับแต่ง หรือจะใช้คีย์ลัด Ctrl + K เพื่อเปิด General Preference ซึ้่งเป็น Preference แรกก็ได้


illustrator cs6


เทคนิค ถ้าเลือก Use Precise Cursor ในส่วนของ General จะเป็นการเปลี่ยน Cursor ให้เป็นรูปกากบาท

การใช้คีย์ลัด Shortcut Key
เพื่อความรวดเร็วในการใช้คำสั่งในการเลือกเครื่องมือต่างๆ ของโปรแกรม วิธีที่ดีที่สุดคือการใช้คีย์ลัด บทความในส่วนนี้ได้รวบรวมคีย์ลัดทั้งหมดบนแถบเครื่องไว้ให้ เริ่มแรกอาจจะคิดว่ามากไม่น่าจะจำได้ แต่เชื่อเถอะว่าเมื่อใช้ไปสักพักก็จะจำได้แม่น


illustrator cs6

การสร้าง Workspace 
โปรแกรม Illustrator CS6 ก็เหมือนกับโปรแกรมอื่นในตระกูล Adobe CS ที่สามารถจะปรับเปลี่ยนพื้นที่การทำงานได้หลายรูปแบบจาก Preset ที่โปรแกรมได้สร้างไว้ หรือจะสร้างใหม่เพื่อให้เหมาะกับการทำงานที่ถนัดได้ โดยเมื่อจัดรูปแบบต่างๆ เรียบร้อยก็เพียงกดที่แถบ Workspace แล้วเลือก New Workspace แค่นี้ก็เรียบร้อย


การเริ่มต้นสร้างชิ้นงาน New Document (Ctrl + N)
ใช้เมนู File - New หรือจะใช้คีย์ลัด Ctrl + N ก็ได้ จะได้หน้าต่าง New Document ขึ้นมาเพื่อทำการตั้งค่าต่างๆ ตามรายละเอียดดังนี้


illustrator cs6



  • Name สำหรับตั้งชื่อชิ้นงาน
  • Profile มีอยู่ด้วยกันหลายแบบ แต่ส่วนมากจะเลือกที่ Print
  • Number of Artboards สำหรับเลือกจำนวน Artboard ที่ต้องการใช้งาน ถ้าเลือกมากกว่าหนึ่ง จะมีส่วนที่เกี่ยวข้องเพิ่มขึ้นคือในส่วนของ Grid, Arrange and Layout ให้กำหนดเพิ่ม
  • Spacing ช่องว่างแต่ละ Artboard
  • Column จำนวนคอลัมน์ที่ต้องการแสดง
  • Bleed  คือการกำหนดพื้นที่พิเศษรอบชิ้นงาน เหมะกับการกำหนดเพื่อทำ Name Card ถ้าเป็นงานปกติ อาจจะเพิ่มนิดหน่อยเช่น 0.125 โดยการคลิกที่ลูกศร อันใดก็ได้ เพราะถ้าเราคลิกไอคอน link ที่อยู่ด้านหลังไว้ก็จะปรับตัวเลขให้เท่ากันหมดในทุกส่วน และเมื่อเปิดชิ้นงานขึ้นมาจะเห็นเส้นสีแดงรอบ Artboard Advance ใช้สำหรับกำหนด Color Mode ซึ่งค่า Default จะเป็น CMYK
  • Raster Effect ควรเลือก High (300 ppi)
  • Preview Mode เลือก Default 
  • สำหรับในส่วน align to pixel grid ไม่ต้องเลือก 
โฆษณา
bn 8

การเริ่มต้นสร้างชิ้นงาน New Document for Web
รายละเอียดส่วนมากจะเหมือนกับการสร้าง for Print เพียงแต่เปลี่ยนในส่วนของ Profile เป็น Web เท่านั้นสำหรับในส่วนของ Web ไม่ควรตั้งค่า Bleed แต่ให้กำหนด Color Mode เป็น RGB, Raster Effect ควรตั้งเป็น Screen (72 ppi) Preview Mode : Default สำหรับส่วนนี้ให้เลือก align to pixel grid ด้วย

เทคนิค ถ้าดับเบิ้ลคลิกที Hand Tool จะเป็นคำสั่ง Fit to Window แต่ถ้าดับเบิ้ลคลิกที่ Zoom Tool จะเท่ากัยสั่งให้ทำการซูมที่ 100% ส่วนการใช้เครื่งอมือ Hand และ Zoom Took ก็เหมือนกับทีมีในโปรแกรมอื่นๆ ในตระกูล Adobe CS เช่น เมื่ออยู่ในเครื่องมือซูม สามารถกด Spacebar เพื่อเปลี่ยนเป็น Hand Tool สำหรับคลิกเพื่อเลื่อน Artboard ได้ เป็นต้น

การใช้ Rulers, Guides and Grid:
ทั้งสามส่วนนี้จะอยู่ในเมนู View เมื่อคลิกแล้วให้เลือกแต่ละส่วนที่ต้องการแสดง หรือจะใช้คีย์ลัดเพื่อความรวดเร็วก็ได้ โดย Ctrl + R / Ctrl + , / Ctrl + " ตามลำดับ

การใช้เส้น Guide
สิ่งแรกต้องเปิดการใช้งาน Rulers ก่อน จากนั้นคลิกที่แถบของ Rulers เพื่อลากเส้น Guide เมื่อใช้ Guide ควรเปิด Info Panel จะได้เห็นตำแหน่งที่แน่นอน

การเปลี่ยนมาตรวัดบนแถบ Rulers
ถ้าต้องการเปลี่ยนหน่วนการแสดงของ Rulers เช่นจาก Point เป็น Inches หรืออื่นๆ ให้คลิกขวาที่แถบ Rulers แล้วเลือกตามต้องการ หรือจะเปลี่ยนโดยตั้งค่าเอกสารจากการใช้เมนู File - Document Set Up แล้วเปลี่ยนที่ Unit แต่แบบแรกจะเร็วกว่ามาก


illustrator cs6


การใช้ Preview Modes
เพื่อให้แน่ใจว่าชิ้นงานที่เห็นบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ เมื่อสั่งพิมพ์ออกมาแล้วจะมีสีสรรที่เหมือนกัน มีวิธีทำได้ 3 วิธีในการตรวจสอบ ได้แก่ ใช้ Mode Outline, Overprint Preview และ Mode Pixel Preview โดยการเปิดใช้ Mode ต่างๆ จากเมนู View เลือก :


  • Outline หรือกดคีย์ลัด Ctrl + Y โหมดนี้ใช้สำหรับแสดงรูปร่างทุกส่วนที่ได้สร้างขึ้น
  • Overprint Peview หรือกดคีย์ลัด Alt + Shift + Ctrl + Y ทำให้เห็นภาพจริงที่จะพิมพ์ออกมา
  • Pixel Preview หรือกดคีย์ลัด Alt + Ctrl + Y ทำให้เห็นภาพจริงที่จะแสดงบนเว็บ หรือ มอนิเตอร์

การสร้าง Customs View
งานที่มีรายละเอียดมากๆ และเป็นชิ้นงานที่ใหญ่ เมื่อทำการซูมเพื่อต้องการดูเฉพาะส่วน มักเสียเวลาในการเลือนหาส่วนที่ต้องการดูเป็นพิเศษ สามารถตัดปัญหาโดยการสร้าง Custom View โดยใช้เครื่องมือซูมลากคลุมส่วนที่ต้องการ จากนั้นใช้เมนู View - New view - ตั้งชื่อแล้วกด OK และเมื่อต้องการเรียกดูส่วนที่สร้าง Customs View ให้ใช้เมนู View - คลิกชื่อ View ที่ตั้งไว้


illustrator cs6


เทคนิค ขณะที่ทำการซูม สามารถทำในลักษณะที่สั่งให้เป็น Outline mode ก่อน แล้วสั่งทำ Customs view เมื่อเรียนขึ้นมาดูกก็จะแสดงเป็น Outline mode 

การซ่อนสิ่งที่สร้างบน Hide Object on the Artboard
ให้อยู่ที่เครื่องมือ Selection Tool ทำการคลิก Object ที่ต้องการซ่อน แล้วใช้เมนู Object - Hide - Selection (Ctrl + 3) ที่เลเยอร์ดวงตาก็จะปิดลงด้วย ถ้าต้องการแสดงก็ใช้เมนู Object - Show All

การล็อค Object และ การล็อคเลเยอร์
ทำได้โดยการใช้เมนู Object - Lock หรือคีย์ลัด Ctrl + 2 จะเป็นการล็อคตัว Object แต่ถ้าต้องการล็อคเลเยอร์ ให้คลิกช่องที่สองของเลเยอร์นั้นโดยตรง การล็อคที่เลเยอร์ใดจะทำให้ Sub เลเยอร์ของเลเยอร์นั้นล็อคไปด้วย ถ้าต้องการปลดล็อคทำโดยใช้เมนูน Object - Unlock หรือ Alt + Ctrl + 2 หรือคลิกที่รูปกุญแจอีกครั้ง


illustrator cs6


การกำหนด Artboards Layout  
ใช้สำหรับกำหนด Layout ให้กับการสร้าง Artboards หลายชิ้นในหนึ่งชิ้นงาน การสร้างนี้จะทำขณะที่สร้างงานใหม่ แล้วเลือกไอคอนต่างๆ ซึ่งมี 5 แบบด้วยกัน

illustrator cs6

เมื่อเลือกรูปแบบ Layout ได้แล้ว ให้กำหนดความกว้างระหว่า Artboards ได้จาก Spacing


คำศัพท์ควรรู้
Artboard = ชิ้นงานเปล่าตอนที่เปิดขึืนมา
Artwork = ส่วนต่างๆ ที่รวมกันอยู่บน Artboard เช่น Object, Path
Attribute = ได้แก่ ส่วนของ Fill, Stroke, Effect ต่างๆ


การ Edit Artboard 
ทำได้โดยการใช้เมนู File - Document Setup - Edit Artboard
การใช้คำสั่งนี้จะให้ Artboard ที่มีอยู่ มีผลกับ Artborad Tool รวมทั้งถ้ามีการเพิ่มArtborad ใหม่ก็จะมีผลกับเครื่องมีอ Artborad Tool เช่นกัน สามารถปรับเลื่อนตำแหน่ง Artborad ได้ใน Artborad Panel


การปรับขนาด Artboards
ถ้าต้องการเปลี่ยนขนาด Artboards ให้คลิกเลือกเครื่องมือ Artboard Tool (Shift + O) แล้วทำการคลิก Artboard ที่ตอ้งการปรับเปลี่ยนขนาด จากนั้นลากปรับขนาดได้ตามต้องการ ถ้าต้องการขนาดที่แน่นอน ให้พิมพ์ตัวเลขที่แถบด้านบน ในส่วนของ W and H และยังสามารถคลิกเลือก Artboard เพื่อเลื่อนตำแหน่งได้อีกด้วย

Selection Tools ( V )
เป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับการเลือกทั้งหมด เช่น Object, Path ต่างๆ เป็นต้น

Direction Selection and Group Direction Tool ( A )
เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการเลือกเฉพาะส่วน แต่ถ้าใช้ Group Direction Tool แล้วทำการคลิกครั้งแรก จะเป็นการเลือกเฉพาะส่วนที่คลิก ถ้าคลิกครั้งทีสองจะเลือกเพิ่มส่วนอื่น คลิกครั้งต่อไปเป็นการเลือกทั้งหมด

การใช้ Magic Wand Tool ( Y )
เครื่องมือนี้จะใช้สำหรับการทำ Selection แบบหนึ่ง ก่อนการใช้เครื่องมือควรทีจะกำหนดในส่วนของ Prpperties ก่อน โดยการดับเบิ้ลคลิกที่ไอคอนเครื่องมือเพื่อ Properties และกำหนดค่าต่างๆ เช่น Tolerance หรือจะกำหนดให้เลือกจาก Fill Color, Strok Color, Stroke Weight, Opacity และ Blending Mode ได้ด้วย การตั้งค่า Tolerance เพื่อ Selection ก็เหมือนทั่วไป ซึ่งจะมีผลกับสิ่งที่จะถูก Selection ถ้าไม่เห็นแถบ Stroke หรืออื่นๆ ให้คลิกเปิดออปชั่นโดยคลิกลูกศรบนแถบ Properties - Show stroke option หรือ Show transparency options จากนั้นวิธีใช้เครื่องมือ ให้คลิกที่ Object อันใหนก็ได้ ถ้ามี Object ที่เหมือนกันกับการตั้งค่าใน Properties แต่ละ Object ก็จะทำถูก Selection ให้ทั้งหมด

illustrator cs6


การใช้ Lasso Tool ( Q )
เมื่อคลิกเครื่องมือนี้แล้วใช้ลากล้อมรอบ Object เพื่อ Selection เครื่องมือนี้เหมาะกับ Artboard ที่มีรายละเอียดมาก แล้วต้องการ Selection เฉพาะแต่ละส่วนของ Object

การทำ Selection ด้วยคำสั่ง Same and Object
ให้เลือกเมนู Select - Same หรือ Object แล้วเลือกรูปแบบต่างๆ เพื่อทำการ Selection


การทำ Group and Ungroup Selection
ปรับเครื่องมือให้อยู่ใน Selection Tool แล้วให้ลากคลุม Object ทุกชิ้นทึ่ต้องการรวม แล้วใช้เมนู Object - Group หรือ คลิกขวาแล้วเลือก Group หรือใช้คีย์ลัด Ctrl + G ถ้าต้องการทีจะ Ungroup ก็ใช้วิธีการเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนเป็นเลือก Ungroup แทน หรือใช้คีย์ลัด Shift + Ctrl + G การ Ungroup จะเป็นการถอยกลับจากการ Group ทีละขั้นของการเลือกทำ Group เช่น ถ้าเลือก Object ที่ 1 และ 2 แล้วสั่ง Group จากนั้น เลือก Object ที่ 3 แล้วสั่ง Group เพิ่ม ตอนนี้ Object ทั้งหมดอยู่ใน Group เดียวกัน แต่เมือสั่ง Ungroup จะเป็นการ Ungroup ถอยกลัยแบบทีละขั้นที่มีลำดับการ Group



การทำ Isolate Mode 
จะใช้กับ Object ที่มีการ Group หลายลำดับขั้น เพื่อต้องการเลือกเพียง Object นั้นมาเพื่อทำการปรับแต่ง
วิธีการทำ Isolate โดยการดับเบิ้ลคลิก Object ที่ต้องการปรับแต่ง แถบ Isolate Mode จะแสดงขึ้น พร้อมกับเกิดลำดับการ Ungroup ให้ดับเบิ้ลคลิกต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าลำดับการ Ungroup จะมาถึงในส่วนของ Object ที่ต้องการใช้ในการปรับแต่ง

illustrator cs6

ถ้าต้องการที่จะออกจาก Isolate Mode สามารถออกได้ที่ละลำดับ หรือ ออกทั้งหมดครั้งเดียวก็ได้ ถ้าต้องการออกทีละลำดับให้คลิกลูกศรที่แถบแสดง หรือถ้าต้องการออกจากโหมดนี้เลย ทำได้ด้วยการดับเบิ้ลคลิกพื้นที่นอกส่วนของ Group Object

การทำแบบนี้ไม่ได้เป็นการ Ungroup แต่เป็นการเข้าไปเลือก Object แต่ละส่วนของ Group Object โดยไม่ต้อง Ungroup

การปรับเปลี่ยนรูปร่าง Transform Object 
ใช้ Selection Tool คลิกที่ Object นั้น จะทำให้สามารถปรับเปลี่ยนได้โดยการลากปรับขนาดของ Bounding Box ที่คลุม Object โดยให้สังเกตุเม้าส์จะเปลี่ยนเป็นหัวลูกศรสองฝั่ง ถึงจะทำการลากเปลี่ยนขนาดได้ หรือทำ Rotating ได้ หรือจะคลิกไอคอนเครื่องหมายลูกศรโค้ง นั่นคือเครื่งอมือ Rotate Tool ( R ) มาทำการ Rotate โดยตรงก็ได้เช่นกัน ส่วนถ้าใช้เครื่องมือที่ติดกับ Rotate Tool นั่นคือ Scale Tool ( S ) เมื่อคลิกที่ Object จะไม่เห็น Bounding Box แต่สามารถคลิกและปรับขนาดได้เลย

การบิดเบือนรูปร่าง Distort Object ( Width and Wrap Tool ( W )  )
มีวิธีการบิดเบือนรูปร่างอยู่หลายแบบด้วยกันที่รวมอยู่ในเครื่องมือกลุ่มนี้ เช่น Width Tool, Wrap Tool, Twirl Tool, และอื่นๆ ซึ่งอยุ่ในเครื่องมือการทำ Distort Object ก่อนการใช้เครื่องมือเหล่านี้ จะต้องคลิกที่ Object นั้นโดยใช้ Selection Tool ก่อน จากนั้นส่วนมากจะทำโดยการคลิกค้าง หรือ ลากผ่าน Object เพื่อให้เกิดการ Distort ก่อนทำควรเปิด Properties ของเครื่องมือเพื่อกำหนดค่าตามต้องการ เช่นการปรับขนาดแปรง อัตราการกระทำ และอื่นๆ

illustrator cs6

การทำ Repeating Transforming
ถ้าต้องการใช้คำสั่งเพื่อให้เกิดผลเหมือนกับการกระทำคำสั่งก่อนหน้า หลังจากที่ได้ทำคำสั่งนั้นแล้ว เช่น การ Copy สามารถใช้ คำสั่ง Ctrl + D เพื่อให้เกิดการ Copy ซ้ำได้ 

การทำ Reflection and Skewing Object
ใช้ Selection Tool คลิกที่ Object นั้นแล้วใช้เครื่องมือ Reflect ซึ่งอยู่รวมกับ Rotate Tool จากนั้นให้กดปุ่ม Alt ก่อนที่จะคลิก เมื่อคลิกแล้วจะมีหน้าต่าง Reflect แสดงขึ้นมาเพื่อทำการตั้งค่า โดยสามารถเลือกการ Reflect แบบ Vertical หรือ Horizental ได้ รวมทั้งสามารถกำหนดองศาได้ด้วย ถ้าต้องการเห็นการเกิดส่วนที่ Reflect ให้คลิกเลือกที่ Preview ถ้าต้องการทำ Reflect Object แบบสร้างเพิ่มให้กดที่แถบ Copy จากนั้นกด OK

illustrator cs6

ส่วนการ Skew ทำได้จาก Tranform Panel ในส่วนของ Shear หรือจะทำจากเครืองมือ Shear Tool ซึ่งอยู่รวมกับ Scale Tool ทำการคลิกแล้วลากให้เกิดการ Shear

illustrator cs6


การทำ Align and Distribution bjects
ให้ใช้เมนู Window - Align เพื่อเป็นการเปิด Align Panle ส่วนการทำนั้นต้องเลือก Object ที่จะทำการ Align ก่อน แล้วเลือกรูปแบบการ Align ซึ่งจะเกิดการ Align กับ Artboard หรือจะใช้เครื่องมือบนแถบเมนูของ Selection tool ก็ได้เช่นกัน

illustrator cs6


การสร้าง Swatch Color and Global Swatch Color
มีวิธีการทำได้สองแบบ โดยการคลิกที่ Object แล้วมาคลิกไอคอน New Swatch บน Swatch Panel จะได้หน้าต่าง New Swatch ขึ้นมา จากนั้นทำการตั้งชื่อ หรือ คลิกสีบนแถบเครื่องมือแล้วลากไปที่ Swatch Panel ก็จะได้สีนั้นเก็บไว้ที่ Swatch Panel ถ้าดับเบิ้ลคลิกที่สีนั้น ก็จะมีหน้าต่าง Swatch Option จากนั้นให้ตั้งชื่อ Color ถ้าต้องการสร้างสีนี้ให้เป็นแบบ Gobal ก็ให้คลิกเลือกที่ช่อง Global การเลือกเป็นแบบ Global จะทำให้กรอบสีนั้นมีสัญญลักษณ์สามเหลี่ยมที่มุมล่างขวาให้เห็นด้วย เพราะเมื่อเปลี่ยนสีที่ใช้ร่วมกันใน Object ที่เป็น Global Color ก็จะมีการอัพเดทเปลี่ยนสีให้หมดทุก Object ที่ได้ใช้ Global Swath Color นี้

illustrator cs6


การลบสีจาก Swatch Panel ก็เพียงแต่คลิกที่สีนั้น แล้วมาคลิกที่รูปถัง จะมีหน้าต่างยืนยันการลบสีนั้น ให้กดเลือก Yes

การสร้าง Color Group
ให้ทำการเลือกสีบน Swatch Panel แล้วคลิกที่ไอคอน New Color Group จากนั้นทำการตั้งชื่อ

การกำหนด Swatch Option
ทำได้โดยคลิกสีบน Swatch Panel แล้วมาคลิกที่ไอคอน Swatch Options จากนั้นทำการปรับตั้งค่าสีต่าง

การสร้าง Spot Color
เหมือนการสร้าง Swath Color แต่เลือกเป็น Spot Color ในแถบของ Color Type (ประกอบด้วย Process Color and Spot Color) จะมีสัญญลักษณ์ที่ตำแหน่งเดียวกับการสร้าง Global Color

การใช้ Swatch Libraries Menu
ไอคอนของ Libraries จะอยู่ที่มุมซ้ายล่างของ Swath Panel ถ้าต้อการ Importing Swatch ให้คลิกเลือกที่ Other Library แล้วเลือกไฟล์สีที่บันทึกเก็บไว้ที่คอมพิวเตอร์ จะได้หน้าต่างสีขึ้นมาที่โปรแกรมอีกหนึ่งอัน ให้ดับเบิ้ลที่โฟลเดอร์สีที่ต้องการก็จะไปสร้างไว้ที่ Ai Swath Color แต่ถ้ามีการเปิดชิ้นงานใหม่จะต้องทำการ Import ใหม่ โดยใช้เมนู Window - Swatch Libraries - Other Libraries เช่นเดิม ถ้าต้องการส่งโฟลเดอร์สีมาเก็บไว้ใช้ที่โปรแกรม ให้ทำการคลิกลูกศรบนแถบ Swath - Save Swatch Library as ASE or as AI

การใช้ Color Guide Panel
ให้ทำการเลือก Base Color จากส่วนของแถบสีก่อน จากนั้นคลิกลูกศรบนแถบของ Color Guide Panel เพื่อเลือก Color Guide Option เลือก Step และ เปอร์เซ็นต์ Variation แล้วคลิกเลือกสีเพื่อ Apply กับ Object

illustrator cs6


การใช้ Fill and Stroke
Fill คือ สีทีแสดงอยู่ภายในเส้น Path ส่วน Stroke คือ สี่ที่อยู่ส่วนขอบของ Object
สามารถทำการ Revert สีระหว่าง Fill and Stroke ได้โดยการกดสัญญลักษณ์ Revert ที่อยู่แถเครือบมือ
และยังสามารถ Apply Brush Type กับเส้น Stroke โดยเปิด Brush Panel แล้วเลือกรูปแบบ Brush ก็จะได้ทันที

illustrator cs6

การสร้าง Dashes and Arrows Head to Stroke
การทำนั้นจะกำหนดที่ส่วนของ Stroke Panel ให้คลิกในส่วนของ Dashed แล้วกำหนดตัวเลขในส่วนของ Dash กับ Gap

illustrator cs6

รวมทั้งยังสามารถกำหนด Arrow Head ให้กับเส้น Dashed ได้ด้วย ในส่วนของ Arrow Head ส่วนของหัวและหาง Arrow จะไม่รวมอยู่ใน Path จนกว่าจะใช้คำสั่ง Object - Expand Appearance

ถ้ามีการปรับขนาดของ Path จะทำให้ Stroke  และ Fill ปรับตามขนาดตามสัดส่วนโดยอัตโนมัติ

การปรับขนาดเส้น Stroke ด้วยเครื่องมือ Width Tool
หลังจากเลือกเครื่องมือแล้ว ให้ทำโดยคลิกที่เส้น Stroke จะเห็น ขนาด และ ความหนาของเส้นขณะที่คลิก เมื่อคลิกเส้น Stroke ตรงใหนแล้วลากออก จะทำให้มีการปรับขนาด Stroke ในส่วนนั้นใหญ่ขึ้น และยังสามารถคลิกที่จุดตรงกลางของเส้นเครื่องมือ Width Tool แล้วลากเปลี่ยนที่ได้อีกด้วย ถ้าลากที่แขนของเครื่องมือ ซึ่งมีอยู่สองด้าน สามารถลากเข้าออกเพื่อปรับขนาดได้ ถ้าต้องการปรับเฉพาะจุดข้างเดียว ให้กดปุ่ม Alt ก่อนทำการลากปรับขนาดด้านนั้น การทำแบบนี้สามารถสร้าง Stroke Profile เพื่อใช้กับในส่วนอื่นที่เหมือนกันได้

การสร้าง Stroke Profile สำหรับการใช้เครื่องมือ Width 
หลังจากใช้เครื่องมือเพื่อปรับแต่งเส้น Stroke ตามต้องการแล้ว (ต้องคงอยู่ในเครื่องมือ Width Tool) ให้คลิกที่ไอคอน Stroke บนแถบควบคุมเครื่องมือ หรือจะเปิด Stroke Panel แล้วคลิกลูกศรที่แถบ Profile จากนั้นคลิกที่ไอคอน Add to Profile ทำการตั้งขื่อ แล้วกดปุ่ม OK ก็จะได้ Stroke Profile ซึ่งเป็นรูปแบบ Stroke ไว้ใช้กับ Object อื่น

illustrator cs6


การใช้ Stroke Preset จากแถบควบคุมเครื่องมือ
คลิก Object ที่ต้องการ เลือก Variable Width Profile ที่แถบควบคมุเมนู (ช่องที่อยู่ถัดจากขนาดเส้น Stroke) เลือกรูปแบบ Width Preset ที่จะใช้ ถ้ายังไม่เห็นต้องปรับขนาดความหนาของ Stroke ก่อน (Width Preset Uniform คือ Default ของเส้น Stroke)

illustrator cs6
การเปลี่ยน Stroke ให้เป็น Object
โดยการใช้เมนู Object - Path - Outline Stroke จากนั้นสามารถทำอะไรก็ได้เหมือนทำกับ Object เช่นการเปลี่ยนสีของ Fill ก็จะเปลี่ยนกับ Stroke ด้วย

การสร้าง Gradient Color
แบ่งได้เป็น การ Apply Gradinet to Fill and to Stroke วิธีการทำนั้นโดยคลิกที่ไอคอน Gradient บนแถบเครื่องมือเพื่อ Apply กับส่วนของ Fill ใน Object แล้วมาปรับที่ Gradient Panel เลือก Gradient Type ซึ่งมีแบบ Linear and Radial สามารถเลือก Preset ได้โดยคลิกที่ลูกศรด้านซ้ายของ Type หรือจะสร้าง Gradient Color ขึ้นเองก็ได้ สามารถปรับมุม ขนาด สี ตำแหน่ง เพิ่ม ลด จุดสี ลักษณะการทำเหมือนการสร้างจากโปรแกรม Photoshop และยังสามารถคลิกที่ Object แล้วไปวางไว้ที่ Swatch Color เพื่อเพิ่มรูปแบบ Gradient ได้เลยแล้วดับเบิ้ลคลิกเพื่อตั้งชื่อ ถ้าต้องการใช้ Preset คลิกที่ Swatch Labraies Menu - Gradient เลือกรูปแบบ

illustrator cs6

ส่วนการ Apply Gradinet to Stroke ทำลักษณะเดียวกันกับการใส่ให้กับ Fill เพียงแต่มาปรับที่ Gradient Panel เลือกรูปแบบให้เป็น Stroke เท่านั้น

การใช้ และ การแก้ไข Applying and Editing Pattern Fill
เลือก Pattern จาก Swatches Panel โดยคลิกที่ไอคอน Show Swatch Kinds Menu แล้วเลือก Show Pattern Swatch หรือเลือกจาก Swatch Libraries

การเปลี่ยนสีให้กับ Pattern
ถ้าต้องการเปลี่ยนสี Pattern ทำโดยดับเบิ้ลคลิกกรอบ Pattern ในส่วนของ Swatch ที่ใส่ให้กับ Object จะทำให้หน้าต่าง Pattern Option เปิดขึ้นมาพร้อมแถบ Isolate Mode และจะเห็นกรอบสี่เหลี่ยมบนแสดงขึ้นบนตัว Object จากนั้นเปลี่ยนเป็น Selection Tool มาคลิกภายในกรอบสี่เหลี่ยม หรือ มาคลุมเพื่อเลือกกรอบสี่เหลี่ยม จากนั้นให้เลือกสี แล้วคลิก Done ที่แถบด้านบน หรือ คลิก Save a Copy เพื่อเก็บไว้ใน Swatches และยังสามารถเปลี่ยนรูปแบบ Tile Type และอื่นๆ ได้ ในส่วนของ Properties ได้ด้วย

illustrator cs6


การสร้าง Pattern Fill
เมื่อมี Object ที่ต้องการสร้งเป็น Pattern ให้คลิกเลือก Object แล้วใช้เมนู Object - Pattern - Make จะได้ Pattern โดยมีกรอบสีน้ำเงินล้อมรอบ Object นั้น และหน้าต่าง Pattern Option จะเปิดขึ้นมาเพื่อให้ทำการตั้งชื่อในช่อง Name สามารถเลือกรูปแบบในส่วนของ Tile Type และทำการปรับขนาดในส่วนของ Brick Offset และอื่นๆ (ลองปรับ) จากนั้นปิดหน้าต่าง Pattern Option ก็จะทำให้ Pattern นั้นถูกเก็บไปไว้ใน Swatches

การสร้าง Closed and Open Path
Close Path คือ การสร้าง Path ด้วยเครื่องมือในกลุ่มของ Rectangle Tool ขณะลากรูปร่าง สามารถใช้ปุ่มลูกศรปรับขนาดและสัดส่วนต่างๆ ได้ ส่วน Open Path คือ Path ที่ไม่มีการบรรจบของเส้น Path เช่น Line, Arc and Spiral Tool

การสร้าง Join and Average Path
การรวมเส้น Path เข้าด้วยกันนั้นก็คือการทำ Join and Average Path ซึ่งทั้งสองแบบจะมีลักษณะคล้ายกัน เริ่มต้นต้องใช้เครื่องมือ Direct Selection Toll ( A ) ทำการเลือก Anchor ของ Path ที่จะทำก่อน จากนั้นใช้เมนู Object - Path - Join or Average ถ้าทำ Join Path แล้วมีส่วนที่ไม่แนบกัน หรือเกิดเหลียมที่ Anchor Point ใหน ให้ทำการเลือกที่ Anchor Point นั้นแล้วใช้ Average

การใช้ Eraser, Scissor and Knife Tool เพื่อลบและตัวเส้น Path

  • Eraser Tool เครื่องมือสำหรับใช้ลบเส้น Path วิธีใช้ก็ง่ายมาก เพียงคลิกลากทับเส้น Path ที่ต้องการลบ
  • Scissor Tool เครื่องมือที่ใช้ในการตัดเส้น Path ก่อนการตัดให้เลือก Object ที่ต้องการตัดเส้น Path จากนั้นให้คลิกที่ Object โดยจะต้องคลิกให้เกิดจุดเริ่มต้น และจุดสิ้นสุดของการตัดบน Object นั้น และจะต้องคลิกเฉพาะในส่วนที่เป็น Anchor Point เท่านั้น ไม่นั้นรูปร่างของ Object จะเปลี่ยนไป เมื่อคลิกได้สองจุดแล้ว Object นั้นจะถูกตัดแบ่งออกเป็นสองส่วน การตัดโดยใช้เครื่องมือ Scissor จะเป็นการตัดแบบเส้นตรง 
  • Knife Tool ก็เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการตัดเส้น Path เช่นกัน แต่เป็นการตัดที่มีรูปร่างอิสระในการตัดโดยการลากตัดเส้น Path บน Object ตามรูปร่างที่ต้องการ และไม่จำเป็นต้องตัดเฉพาะจุดที่เป็น Anchor Point สามารถลากผ่านเส้น Path ที่ส่วนใหนก็ได้ แต่หลังจากลากเส้นตัดแล้ว ให้เปลี่ยนเป็นเครืองมือ Selection Tool และคลิกส่วนที่ทำการตัดเพื่อให้เกิดการเลือกที่ส่วนนี้ก่อนที่จะทำการลากเพื่อแยกส่วนออกมาจาก Object 

เทคนิค ถ้าอยู่ใน Knife Tool แล้วต้องการตัดให้ตรง ให้กดปุ่ม Alt ก่อนทำการลากตัด 

การ Copy and Paste Path
คลิกเลือก Path นั้น แล้วกดปุ่ม Ctrl + C จากนั้นกดปุ่ม Ctrl + V

การใช้เครื่องมือการวาด Drawing Mode

illustrator cs6เครื่องมือนี้ใช้สำหรับกำหนดตำแหน่งของการสร้าง Object ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 3 แบบ

  • Draw Normal จะเป็น Default ค่าเริ่มต้นของการวาด และจะเป็น Object แรกที่สร้างขึ้น
  • Draw Behind หลังจากมีการวาด Object แรกแล้ว สามารถกำหนดได้ว่า Object ที่กำลังจะสร้างต่อไปนี้ให้แสดงอยู่ในส่วนใดของ Object แรก ถ้าต้องการให้แสดงบางส่วนอยู่ด้านหลัง หรือที่เรียกว่า Over Wrap กับ Object แรก ก็ให้คลิกเลือก Draw Mode ลำดับที่สอง 
  • Draw Inside ก่อนที่จะทำการวาดในโหมดนี้ จะต้องคลิกเลือก Object ที่เราจะให้ Object ที่จะสร้างขึ้นอยู่ภายใน Object นั้นก่อน จากนั้นก็เลือกเครืองมือนี้ จะมีกรอบแสดงขึ้นมาล้อมรอบที่ Object ที่ได้เลือกไว้ และทำการวาดภายใน Object ที่ได้คลิกเลือก การทำเช่นนี้จะเหมือนกับการ Group Object ดังนั้นถ้าต้องการแก้สี หรือแก้ไขแต่ละส่วน จะต้องทำดับเบิ้ลคลิกที่ Object เพื่อสร้าง Isolate Mode แล้วคลิกเลือกแต่ละ Object ที่ต้องการแก้สี หรือจะใช้วิธีกดปุ่ม Ctrl แล้วคลิก Object ส่วนที่ต้องการการสีก็ได้ 
illustrator cs6


การใช้ Path Finder Panel กับ Compound Path 
ใช้เมนู Window - Pathfinder หรือคีย์ลัด Sshift + Ctrl + F9 สำหรับ Panel นี้จะประกอบด้วยสองส่วนสำคัญคือ ส่วนของ Shape Modes ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 4 รายการ ได้่แก่ Unite, Minus, Intersect, Exclude และส่วนของ Pathfinders ซึ่งมีอยู่ 6 รายการ ก่อนที่จะทำแต่ละคำสั่ง จะต้องทำการเลือก Object แต่ละชิ้นเพื่อให้ Group Object ก่อนที่จะใช้คำสั่งเหล่านี้

Shape Modes :
Unite = คือ การรวม Object สอง Object เข้าเป็น Object เดียวกัน เมื่อใช้คำสั่งนี้จะทำให้ Object ที่อยู่ด้านล่างรวมเข้ากับ Object ที่อยู่ด้านบน
Minus = คือ การตัด Object โดย Object ที่อยู่ด้านบนจะถูกตัดออก และจะทำให้ Object ที่อยู่ด้านล่างถูกตัดออกเฉพาะส่วนที่ Object บนคาบเกี่ยวกับ Object ด้านล่าง
Intersect = Object ทั้งด้านบน และด้านล่างจะถูกตัดออก เหลือเฉพาะส่วนที่คาบเกี่ยวกันระหว่างสอง Object และ Object ด้านล่างจะรวมกับ Object ด้านบน
Exclude = ส่วนที่คาบเกี่ยวกันระหว่างสอง Object จะถูกตัดออก และ Object ด้านล่างจะรวมกับ Object ด้านบนสำหรับส่วนที่เหลือ


illustrator cs6

illustrator cs6


Pathfinders
ในส่วนนี้จะประกอบด้วย 6 รายการ ได้แก่ Divide, Trim, Merge, Crop, Outline, Minus back

  • Divide = คือ การตัดแยกส่วนของ Path ทั้งสองที่คาบเกี่ยวกัน แต่ละส่วนจะถูกแยกออก เมื่อ เปลี่ยนเป็นเครื่องมือ Direct Selection Tool แล้วคลิกแต่ละส่วนของ Path จะสามารถแยก Path ออกจากกันได้ตามภาพ ส่วนของ Path ที่อยู่ด้านล่างที่คาบเกี่ยวกัน จะรวมกับ Path ด้านบน
illustrator cs6
  • Trim = คือการตัด Group Path ระหว่างสอง Object Path ที่ Overlap กัน แต่จะตัด Path ที่อยู่ด้านล่าง ส่วนที่อยู่ด้านล่างจะรวมกับ Object Path ด้านบน
illustrator cs6

  • Merge = เป็นการรวม Group Path ระหว่างสอง Path ที่ Overlap กัน จะเหมือนกับ Unite ในส่วนของ Shape Mode
  • Crop = เป็นการตัด Group path ระหว่างสอง Path ที่ Overlap กัน แต่จะตัดส่วนเกินของ Path ที่อยู่ด้านล่างออก จะเหมือนกับ Intersect ในส่วนของ Shape Mode
  • Outline = คือคำสั่งที่ใช้สำหรับเปลี่ยน Path เป็น Outline Mode เท่านั้น
  • Minus Back = เป็นการตัด Group Path ระหว่างสอง Path ที่ Overlap กัน แต่จะตัดส่วนล่่าง Path ทั้งหมด และส่วนที่ Overlap กับส่วนบนด้วย จะเหมือนกับ Minus ในส่วนของ Shape Mode แต่จะสลับส่วนที่ถูกตัดเท่านั้น

การใช้เครื่องมือ Shape Builder Tool
เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการ Merge and Subtract Object แต่ก่อนที่จะใช้เครื่องมือนี้ จะต้องทำการเลือก Object ที่ต้องการทั้งหมดก่อน ส่วนการทำโดยให้ลากผ่าน Path ที่ต้องการ Merge หรือ Subtract (ถ้ากดปุ่ม Alt แล้วลากจะเกิดการ Subtract แทน) จะใช้คลิกหรือ ลากผ่านก็ได้ ส่วนที่ถูกเลือกจะทำการ Merge แต่ส่วนที่ไม่ถูกเลือกจะเป็น Subtract

การใช้ Blob Brush 
การสร้างเส้น Path ด้วยการทา และเมื่อทารวมกันจะทำให้เกิดการรวม Path สามารถปรับขนาดห้วแปรงได้ด้วยการใช้ Bracket [ or ]

การใช้ Paint Brush and Pencil Tool

  • วิธีใช้ก็เพียงเลือกเครื่องมือแต่ละแบบ แล้วทำการทาลงบน Artboard เท่านั้น การทามี 2 วิธี คือ ทาแบบ Open Path คือ การทาไปปกติโดยที่ไม่มีการบรรจบกันระหว่างหัว และท้ายของการทา
  • Close Path ทำโดยให้คลิกที่ Artboard ก่อน จากนั้นกดปุ่ม Alt จะเห็นสัญญลักษณ์วงกลม แล้วจึงทำการทา  เมื่อปล่อยเม้าส์ เส้น path จะวิ่งไปบรรจบกัน
  • การทาแบบ Open ให้เป็น Close Path ทำได้โดยการทาปกติ แต่เมื่อต้องการจบ ให้กดปุ่ม Alt ก่อนที่จะปล่อยเม้าส์

เทคนิค ทั้งสามแบบนี้ใช้ได้ทั้ง Paint and Pencil Tools

การตั้งค่า Paint Brush Tool
ดับเบิ้ลคลิกที่ไอคอนเครื่องมือ จะเป็นการเปิด Paintbrush Tool Option เพื่อทำการตั้งค่าได้

Fidelity = กำหนดความห่างเท่าไรที่จะใส่ Anchor Point บนเส้น Path
Smoothness = เปอร์เซ็นต็การทำให้เส้นเรียบโค้งสวยงาม ไม่ขรุขระ ถ้าใช้เม้าส์ควรตั้งประมาณ 1% แต่ถ้าเป็น Tablet ไม่ต้องกำหนดค่า


illustrator cs6

การใช้ Smooth and Path Eraser Tool (อยู่ในกลุ่มของ Pencil Tool)

  • Smooth Tool ใช้สำหรับวาดซ้ำเส้น Path เพื่อแก้ไขเส้น Path ที่สร้างจาก Pencil tool ให้มีส่วนโค้งมน ไม่ขรุขระ ก่อนวาดต้องทำการเลือก Path นั้นก่อนด้วย Selection Tool
  • Eraser Tool ลักษณะการทำเหมือน Smooth Toll แต่เป็นการลบเส้น Path ก่อนลบ จะต้องทำการ Selection Path ที่จะลบก่อน


การใช้เครื่องมือ Pen Tool
เครื่องมือนี้ใช้สำหรับการสร้างเส้น Path ลักษณะการทำของเครื่องมือนี้จะเป็นการสร้างจุดเพื่อเชื่อมโยงให้เกิดเส้น ซึ่งเรียกว่าเส้น Path เมื่อเลือกเครื่องมือ Pen Tool เม้าส์จะเปลี่ยนเป็นรูปปากกาให้ทำการคลิกเพื่อสร้างจุดเริ่มต้น และจุดต่อไปตามแนวที่ต้องการสร้างเส้น Path เมื่อสร้างจุดมาจนครบรอบกับจุดแรกที่สร้าง เครื่องหมายวงกลมจะแสดงขึ้นมาให้เห็นข้างเม้าส์รูปปากกา ให้คลิกที่จุดแรกอีกครั้ง จะเป็นการ Close Path ที่สมบูรณ์ 

เครื่องมือที่ใช้ในการปรับแต่งจุดของเส้น Path มีด้วยกัน 2 แบบ คือ Convert Anchor Point Tool และ Direct Selection Tool 


การปรับแต่งเส้น Path เพื่อปรับความโค้ง ทำได้ 2 วิธี

  • หนึ่ง ปรับแต่งขณะสร้างเส้น Path โดยใช้เครื่องมือ Pen Tool  เมื่อคลิกสร้างจุด ให้คลิกค้างไว้แล้วลากออกห่างจากจุด จะเกิดก้านสำหรับใช้ปรับแต่งความโค้งขึ้นมาทั้งสองด้านของจุด ขณะที่เม้าส์ยังคงคลิกค้างไว้ ให้เลื่อนขึ้น ลง หรือ ลากเข้า ออกได้  ขณะลากถ้ากดปุ่ม Shift จะทำให้เส้นที่ลากนั้นเป็นเส้นตรง ถ้าต้องการปรับมุมของก้านโดยไม่กระทบกับแนวของเส้น Path ให้กดปุ่ม Alt เพื่อปรับลากก้านที่ใช้สำหรับปรับเส้น Path
  • สอง ปรับแต่งหลังจากสร้างเส้น Path แล้ว โดยการใช้เครื่องมือ Direct Selection Tool คลิกบนเส้น Path จะเกิดก้านปรับเส้น Path ที่ตำแหน่งของแต่ละจุด Anchor Point ซึ่งจะแสดงก้านให้เห็นทั้งสองด้าน นำเม้าส์คลิกที่ปลายของก้านในฝั่งที่ต้องการปรับ ลักษณะการปรับแต่งทำเช่นเดียวกันกับ Pen Tool หรือ Convert Anchor Point Tool ใช้คลิกปรับหลังจากได้มีการ Selection Path แล้ว 

illustrator cs6

การเพิ่ม หรือ ลบ จุดบนเส้น Path โดยการใช้ Add Anchor Point Tool คลิกที่เส้น Path จะเป็นการเพิ่มจุด Anchor Point หรือ ลบจุด Anchor Point บนเส้น Path ก็ใช้ Delete Anchor Point Tool คลิกที่จุดบนเส้น Path นั้น

การสร้างตัวหนังสือ
ตัวหนังสือของโปรแกรม Illustrator จะเป็นตัวหนังสือที่สร้างบนเส้น Path ประกอบด้วย Point and Area text  และวิธีการใช้งานเหมือนกับโปรแกรม Test in Photoshop การปรับขนาด และ Rotate เมื่อพิมพ์ตัวหนังสือแล้วสามารถปรับขนาดโดยการการใช้ Selection Tool คลิก ที่ Bounding box ลากปรับขนาดได้เลย

การสร้าง Link Area Text
เริ่มแรกให้สร้าง Area text ขึ้นมาหนึ่งอันก่อน จากนั้นเมื่อพิพม์ข้อความใน Area แรกเต็มแล้วจะเห็นเครืองหมาย + ที่กรอบด้านล่างขวา ให้เปลี่ยนเป็น Selection Tool ก่อน แล้วคลิกที่ Area Text แรก แล้วมาคลิกที่เครื่องหมาย + จะเห็นเครื่องหมาย Area Text ทีเม้าส์ ก็ให้ทำการลากแถบ Area Text เพิ่มใหม่ได้เลย

กรณีที่มีการสร้างกรอบ Area Text ไว้ก่อนแล้ว การ Link ให้คลิกเครื่องหมาย + ของ Area Text แรกแล้วนำไปคลิกกับกรอบ Area Text ที่สร้างไว้สำหรับการ Link ได้เลย
illustrator cs6
การยกเลิกการ Link Area Text
ให้คลิกที่เครื่องหมายมุมบนซ้ายของ Area Text ที่ต้องการยกเลิกการ Link จะเห็นเครื่องหมาย Unlink จากนั้นให้มาคลิกที่เครื่องหมายการ Link ที่ด้านล่างขวาของ Area Text ที่เป็นตัวที่ Link ไว้

การสร้าง Type on Path
ให้เปลี่ยนเป็นเครื่องมือนี้ หรือขณะอยู่ที่เครื่องมือ Type ธรรมดา ให้กดปุ่ม Alt ก็ได้ หลังจากพิมพ์เสร็จแล้วให้เปลี่ยนเป็น Selection Tool ก็จะเห็นสัญญลักษณ์ Control Handle ที่ใช้ในการปรับแต่ง การปรับแต่งหรือลากตัวหนังสือ ให้คลิกที่ก้านของ Handle

ก้านของ Handle ใช้สำหรับลากเลื่อนตัวหนังสือ และก้านสำหรับเลือนเข้าออกด้านในและนอก Path ให้นำเม้าส์ไป Hover ที่ก้านแต่ละก้าน จะมีเครื่องหมายบอกไว้

เมื่อเลื่อนตัวหนังสือ แล้วทำให้บางส่วนไม่เห็น แสดงว่าต้องมีการลากเส้นปลายย้อนกลับมาถึงจะเห็น

การเปลี่ยนตัวหนังสือให้เป็นเส้น Path (Text to Path)
ก่อนอื่นต้องใช้ Selection Tool คลิกที่ Text เพื่อให้เกิด Bounding Box จากนั้นคลิกขวาแล้วเลือก Create Outline และใช้ Direction Tool คลิกที่ Anchor Point ที่ต้องการปรับแต่ง

illustrator cs6
คีย์ลัดสำหรับใช้กับตัวหนังสือ Text shortcut key
Appearance Panel
เป็นส่วนสำหรับการแสดงรายละเอียดต่างๆ ขณะที่มีการกระทำอะไรก็ตามเกิดขึ้นกับ Artboard เช่น เมื่อมีการคลิกเพื่อ Selection หรือ มีการสร้าง Stroke, Fill, Effect, Attribute (เช่น opacity) และยังสามารถที่จะทำการแก้ไขปรับแต่งสิ่งต่างๆ กับ Object ได้จาก Panel นี้ เช่นถ้าคลิกที่แถบ Stroke ก็จะมีช่องรายการแสดงขึนมาเพื่อให้ใส่ขนาด เป็นต้น

illustrator cs6

ถ้าคลิกที่ชื่อต่างๆ ที่มีการขีดเส้นประบน Appearance Panel จะเป็นการเปิดหน้าต่าง Properties ของส่วนนั้นๆ ถ้าคลิกที่แถบลูกศรของแต่ละตัวซึ่งเรียกว่า Stack จะมีแถบย่อยเปิดออกมา ส่วนแถบ Attribute Stack ซึ่งเป็นแถบด้านบนสุดจะใช้สำหรับแสดงสถานะการ Selection เช่นถ้าแสดงว่า No Selection หมายถึงยังไม่มีการทำ Select อะไรบน Artboard ถ้ามีการ select จะเปลี่ยนอัพเดทไปทุกครั้งที่มีการ Select เช่น Select ที่ Path ก็จะแสดงชื่อ Path เมื่อคลิกที่ลูกศรบนแถบจะเห็นเมนุต่างๆ เพิ่มขึ้น สามารถคลิก Attribute Stack ลากเปลี่ยนตำแหน่งระหว่างกันได้ แต่จะทำให้เกิดผลกับการแสดงผลที่ Object ด้วย

การสร้าง New Fill ใน Appearnce Panel
เมื่อต้องการสร้าง Fill Attribute ใหม่ สามารถทำได้โดยการคลิกที่ไอคอน Add New Fill จะมี Fill Stack เพิ่มขึ้นมาด้านบนสุดของ Panel สีของ Fill จะใช้สีปัจจุบันที่มีการเลือกค้างไว้ ถ้าต้องการเปลี่ยนให้เลือก Fill ใหม่ที่ต้องการ เช่น อาจใส่เป็น Pattern ซ้อนทับ Color Fill ที่อยู่ใน Stack ด้านล่าง จะทำให้สวยงามขึ้น เมื่อต้องการปรับ Opacity หรือ Blend Mode ของ Fill Pattern ก็สามารปรับได้โดยการคลิกเปิดลูกศรที่ Stack ของ Fill แล้วคลิกที่ Opacity เพื่อเปิดหน้าต่าง Properties รวมทั้งสามารถใส่ Mask ได้ที่นี่อีกด้วย

การสร้าง Multiple Strokes
โดยการคลิกไอคอน Add Stroke บน Appearance Panel แล้วปรับค่าต่างได้ Stroke ที่อยู่ด้านบนต้องมีขนาดที่เล็กกว่าด้านล่าง จึงจะทำให้เห็นเส้น Multiple Stroke ได้

การปรับแต่ง Appearance Panel ด้วย Live Effects
Effect จะมีสองส่วน ได้แก่ ส่วนของ Illustrator และ Photoshop ส่วนที่เป็นของ Illustrator จะเรียกว่า Live Effect เมื่อคลิกไอคอน fx จะเห็นรายการต่างๆ ของทั้งสองส่วนแสดงขึ้นมา เมื่อคลิกเลือกที่ Effect ใดก็จะมีหน้าต่าง Effect Option นั้นแสดงขึ้นมา

การบันทึก Effect ที่สร้าง และเก็บไว้เพื่อใช้
เมื่อสร้าง Effect เสร็จแล้ว ให้คลิกที่ Object มีวิธีเก็บ Effect ไว้ที่ Graphic Style Panel ได้สองวิธี โดยคลิกที่ Object แล้วลากเข้าไปที่ Graphic Styles Panel หรือใช้กดไอคอน New Graphic Style ที่ Graphic Style Panel ก็ได้ ทำการดับเบิ้ลคลิก Effect ที่เพิ่งใส่เข้าจะมีหน้าต่าง Graphic Style Option แสดงขึ้นมาเพื่อให้ตั้งชือ เมื่อต้องการนำไปใช้กับ Object อื่น ก็แค่คลิกที่ Object แล้วมาคลิกที่ Graphic Style ที่ต้องการ

การบันทึก Graphic Style
เมื่อสร้าง Graphic Style ขึ้นมาได้หลายแบบแล้ว ควรที่จะเก็บไว้ใช้โดยการคลิกที่ลูกศรบนแถบ Graphic Panel เลือก Save Graphic Libraries แล้วเลือกที่เก็บไฟล์บนคอมพิวเตอร์ แถมยังส่งสามารถใช้ไฟล์นี่ส่งให้ใครใช้ก็ได้ เมื่อต้องการใช้ให้เลือก Open graphic Style Libraries - Other Libraries เลือก Style ของเราที่เก็บไว้ (Other หมายถึงเราเก็บไว้ใน Hard disk บนคอมฯ ของเราเองไม่ใช่เก็บไว้ในส่วนของโปรแกรม Illustrator ถ้าเป็นส่วนของโปรแกรมเมื่อเปิดขึ้นมาจะเห็นชื่อเพื่อให้เลือกได้เลย)

การใส่ Graphic Styles กับ Object
เปิด Graphic Panel ขึ้นมา จากนั้นให้คลิก Object ที่ต้องการใส่ Graphic แล้วไปคลิกที่ Graphic นั้น การเติม Graphic จะเป็นการ Fill Object เพราะฉะนั้นจะเห็น Fill Stack เพิ่มขึ้นในส่วนของ Appearance Panel

Layer panel
มีหลายส่วนคล้ายกับ Layer ของ โปรแกรม Photoshop เช่นคลิก Create New Layer เพื่อสร้าง Layer ใหม่ หรือ คลิกที่ชือ Layer เพื่อแก้ไขชื่อ แต่มีจุดที่ไม่เหมือนคือ ในส่วนของ Click to Target คือปุ่มที่อยู่ด้านท้ายของแต่ละ Layer เมื่อคลิกแล้วจะรู้ว่า Object ใดอยู่ตรงใหนเพราะจะมี Bounding Box แสดงขึ้นมาที่ Object นั้น

illustrator cs6


การปรับขนาด Layer Thumbnail
ทำโดยคลิกที่ลูกศรบนแถบ Layer Panel เลือก Panel Option ปรับแต่งในส่วนของ Row Size และอื่นๆ ตามต้องการ

illustrator cs6

การย้ายตำแหน่ง Layer ให้คลิกบนพื้นที่่ว่างของ Layer ค้างแล้วลากไปไว้ที่ตำแหน่งต้องการ

การเปลี่ยน Layer เมื่อมีการสร้าง Layer เปล่า ขึ้่นมา แล้วต้องการย้าย Layer ที่มีอยู่เดิมมาไว้เพื่อแยกเป็นรายการเฉพาะ ทำได้โดยการคลิกค้างตำแแหน่งว่างถัดจากปุ่ม Click to Target จะมีกรอบสี สี่เหลื่ยมเล็กแสดงให้เห็น จากนั้นคลิกที่กรอบสีนี้ แล้วลากมาไว้ที่ Layer ที่สร้างขึ้น ถ้าเลเยอร์นั้นมีการใส่สีไว้ เมื่อย้าย Layer มาแล้วจะเปลี่ยนสีให้ตาม Layer ที่สร้างไว้ Layer ที่ถูกนำมาใส่ จะเป็น Sub Layer ของ Layerที่สร้าง

การใส่สี และกำหนดค่าต่างๆ ให้กับ Layer 
ทำได้โดยดับเบิ้ลคลิกบนที่ว่างของ Layer จะมีหน้าต่าง Layer Option แสดงขึ้นมา สามารถเปลี่ยน ชื่อ สี และอื่นๆ ได้จากที่นี่

illustrator cs6


การล็อค และ การลบ Layer
ให้คลิกช่องที่อยู่ถัดจากไอคอนรูปดวงตาบน  Layer จะเป็นการล็อค และปลดล็อคก็เพียงคลิกที่เดิมซ้ำอีกครั้ง สามารถล็อค Sub Layer ได้โดยไม่ต้องล็อค Layer ใหญ่ หรือถ้าจะล็อคทั้งหมดก็ล็อคที่ Layer ใหญ่ ส่วนการลบ  Layer ก็เพียงคลิกที่  Layer  นั้นแล้วมาคลิกที่ไอคอนถัง

การใส่ภาพที่โปรแกรม Illustrator / Importing Image
ทำได้โดยใช้เมนู File - Place เลือกภาพจากคอมพิวเตอร์ ภาพที่ใส่เข้ามาจะเป็นแบบ Smart Object

การ Crop Image with a Mask
โปรแกรมนี้ไม่สามารถทำ Crop ได้่ ทำได้แต่การใช้ Mask ปิดบังส่วนที่ไม่ต้องการให้เห็น วิธีทำโดยให้ใช้ Rectangle Tool มาลากคลุมบนภาพ ส่วนที่เราต้องการให้แสดง จากนั้นกำหนดไม่ให้มี Fill and Stroke แล้วคลิก Selection ภาพร่วมด้วย

ขั้นตอนต่อไปให้ไปที่เมนู Object - Clipping Mask - Make หรือคีย์ลัด Ctrl + 7 ก็จะเห็นภาพเท่ากับขนาดของ Rectangle และเปิดส่วนที่ Rectangle บังภาพอยู่ จากนั้นให้คลิกเลื่อน Rectangle ไปตำแหน่งที่ต้องการบังให้ได้ตำแหน่งที่ถูกต้อง

ถ้าต้องการยกเลิก Clipping Mask ให้ใช้เมนู Object - Clipping Mask - Release หรือคีย์ลัด Ctrl + Alt + 7 หรือถ้าต้องการแก้ไข Mask ก็เลือก Edit Mask จะสามารถปรับเปลี่ยนขนาดของ Mask ได้


การใช้ Image Trace Panel

เป็นการนำเอาภาพมาแปลงจาก Pixel เป็น Vector Path วิธีทำก็เพียงเลือกภาพที่มีอยู่เพื่อนำเข้ามาที่โปรแกรม Illustrator จากนั้นใช้เมนู Window - Image Trace ก็จะได้หน้าต่างๆ Image Trace เพื่อทำการตั้งค่าต่างๆ เมื่อตั้งค่าเรียบร้อยให้กดที่แถบ Expand บนแถบควบคุมเครื่องมือ ภาพนั้นก็จะถูกเปลี่ยนจาก Pixel เป็น Path การตั้งค่าส่วนมากแล้วจะปรับภาพสีให้เป็น Black and White แล้วมาปรับค่า Threshold เพื่อเพิ่มสีดำ

illustrator cs6



การทำ Arrange Object
คลิก Object ที่ต้องการทำการ Arrange แล้วคลิกขวาเลือกรูปแบบการ Arrange เช่น Bring to Front, Bring Forward, Send Backward, Send to Back

illustrator cs6


การใช้ Symbol Panel
โดยการเปิดเมนู Window - Symbol เพื่อเปิด Symbol Panel จากนั้นคลิก Symbol ที่ต้องการใช้แล้วลากมาที่ Artboard ปุ่มซ้ายมือล่างบน Symbol Panel คือ Symbol Libraries ในส่วนนี้จะมี Symbol หลายแบบให้เลือกใช้ สามารถปรับขนาด Symbol โดยการปรับเลื่อนขนาด หรือ Rotate ที่ Bounding Box ของ Symbol นั้นได้เลย

การใช้ Symbol Tools
ใช้สำหรับปรับแต่ง Symbol ให้เกิดรูปแบบต่างๆ ก่อนใช้ให้คลิกเลือก Symbol ก่อน จากนั้นก็คลิกเลือกเครื่องมือที่ต้องกาน แล้วมาคลิกตรงจุดที่้ต้องการใส่ Symbol บน Artboard แต่ละรูปแบบ ถ้ากดปุ่ม Alt จะทำให้เกิดการแสดงผลต่างๆ ที่กลับกัน

illustrator cs6

  • Symbol Sprayer Tool เป็นเหมือนกับการพ่นสเปร์ยแต่แทนที่จะเป็นสี กับเป็น Symbol ที่ได้เลือกไว้ ถ้าคลิกค้างไว้ก็จะยิ่งมี Symbol แสดงออกติดกันมาก 
  • Symbol Shifter Tool เครื่องมือนี้มีไว้สำหรับใช้กับ Symbol ที่สร้างขึ้นมาแล้ว และต้องการเปลี่ยนตำแหน่ง วิธีทำโดยการคลิกที่ Symbol นั้นแล้วลากไปยังตำแหน่งใหม่ที่ต้องการ
  • Symbol Scruncher Tool เครื่องมือที่ใช้ในการเลื่อน Symbol เข้ามาหากัน
  • Synbol Sizer Tool เครื่องมือที่ใช้ในการเพิ่มขนาด Symbol โดยการคลิกที่ Symbol นั้น 
  • Symbol Spinner Tool เครื่องมือที่ใช้สำหรับคลิกแล้วปรับตำแหน่งเพื่อ Rotate Symbol เมื่อคลิกแล้วจะเห็นลูกศร ต้องการปรับไปทิศทางใหนก็ให้ลูกศรชี้ไปทางนั้นแล้วปล่อยเม้าส์
  • Symbol Stainer Tool เครื่องมือที่ใช้สำหรับเปลี่ยนสี โดยการเลือกสี แล้วคลิกที่ Symbol ที่ต้องการเปลี่ยน
  • Symbol Screener Tool เครื่องมือที่ใช้สำหรับ สำหรับสร้าง Transparency Effect โดยการคลิกที่ Symbol นั้น การคลิกแต่ละครั้งจะมีผลกับระดับ Transparency 
  • Symbol Styler Tool การใช้เครื่องมือนี้จะต้องใช้ร่วมกับ Graphic Style เมื่อสร้าง Symbol ขึ้นมา แล้วต้องการใส่ Graphic Style ลงบน Symbol นั้น ให้คลิกที่เครื่องมือแล้วไปเลือก Graphic Style บน Graphic Panel ที่ต้องการ จากนั้นมาคลิกที่ Symbol ที่สร้างไว้

เมื่อต้องการสร้าง Smbol กลุ่มใหม่ ให้คลิกที่ Artboard ก่อน เพื่อ Un-select กลุ่มเดิม แล้วค่อยทาเพื่อสร้างกลุ่มใหม่ หรือถ้าต้องการเพิ่มให้กับกลุ่มเดิมก็ Select ที่กลุ่มนั้นก่อน แล้ว Spray เพิ่ม

การสร้าง Symbol
ให้เลือก Symbol ที่สร้างขึ้นมา แล้วคลิกลากเข้าไปใน Symbol Panel จะมีหน้าต่าง Symbol Option ตั้งชื่อและปรับแต่ง Type โดยให้เลือกเป็น Graphic อย่างอื่นไม่ต้องเลือก ถ้าต้องการเก็บ Symbol ที่สร้างให้คลิก Symbol ที่สร้างแล้วคลิกลูกศรที่แถบ Symbol Panel เลือก Save Symbol Library เลือกที่เก็บ เหมือนกับการสร้างอย่างอื่น ถ้าต้องการเก็บในโปรแกรมก็ตั้งชื่อแล้ว Save ถ้าต้องการเก็บไว้ใน Hard Drive ก็เลือกแล้ว Save ไว้ใน Drive ที่ต้องการพร้อมตั้งชื่อ

เมื่อต้องการใช้ก็คลิกที่ Symbol Labrary - User Defined แล้วเลือกรูปแบบ Symbol ที่ต้องการ หรือถ้าเก็บไว้ที่ Hard Drive ให้เลือกเป็น Other Library แล้วเลือกจากที่ได้เก็บไว้

การทำ Break Link to Symbol
ทำการคลิกลาก Symbol ที่ต้องการใช้ออกมาจาก Symbol Panel แล้วเลือกไอคอน  Break Link to Symbol ที่อยู่ด้านล่าง Symbol Panel จะทำให้นั้น Symbol นั้นกลายเป็น Path จากนั้นสามารถใช้ Direction Selection Tool คลิกที่แต่ละ Path เพื่อปรับแต่ง เช่นเปลี่ยนสีได้ เมื่อปรับแต่งเสร็จก็สามารถสร้างเป็น Symbol ใหม่ได้ โดยการคลิกแล้วลากเข้าไปที่ Symbol Panel

การทำ Redefine Symbol
คือการกำหนดค่าใหม่ให้กับ Symbol เดิมที่นำมาใช้eทำ Break Link to Symbol แต่ก่อนทำต้องคลิกเลือก Symbol ที่จะทำ Redefine ก่อน วิธีทำให้คลิกที่ลูกศรบนแถบ Symbol Panel แล้วเลือก Redefine Symbol

การใช้เครื่องมือ Perspective Grid Tool
วิธีนี้เหมือนกับการทำ Vanishing Point ในโปรแกรม Photoshop จุดต่างๆ สามารถปรับตำแหน่งได้

  • จุดบนสุด ควบคุมความสุงของ Grid คลิกลากขึ้นลง
  • จุดด้านข้าง ซ้าย ขวา ด้านนอก ควบคุม horizon line หรือ view line คลิกลากขึ้นลง
  • จุดด้านข้าง ซ้าย ขวา ด้านใน คือ vanishing point คลิกลากเพื่อคลุม object
  • จุดด้านล่าง ซ้าย ขวา สำหรับเคล่ือนย้าย คลิกลากไปมา
  • จุดด้านล่าง ตรงกลางคลิกลากขึ้นลงปรับ floor
  • จุดด้านล่าง ด้านขวา คลิกลากขึ้นลงปรับ grid ด้านขวา คลิกสวิงไปมา
  • จุดด้านล่าง ด้านซ้าย คลิกลากขึ้นลงปรับ grid ด้านซ้าย คลิกสวิงไปมา

ถ้าคลิก View - Perspective Grid สามารถเลือกรูปแบบของ Grid ได้ เช่น One, Two and Three Points Perspective ส่วนค่า Default คือ Two Points

เมื่อเลือกเครื่องมือ Perspective Grid Tool จะเห็นไอคอนแสดงส่วนของ Grid ที่มุมบนด้านซ้ายมือ สามารถคลิกเลือกแต่ละด้านได้ในไอคอน Cube นี้ หรือใช้ คียลัด 1 - 3 ได้ แทนการคลิก

การสร้าง Perspective Tool กับ Artwork (เติมบางสิ่งลงใน Artwork)
เมื่อปรับเครื่องมือคลุมวัตถุได้แล้ว สามารถเลือก Rectangular มาลากคลุมแต่ละส่วนได้ จะแนบเหมือนกับการทำ Vanishing Point ใน Photoshop แต่ก่อนที่จะนำมาลากทับ ต้องเลือกด้านบนไอคอน Cube ก่อน ถ้าต้องการปรับตำแหน่ง Rectangular ให้ใช้ Selection Toll มาคลิกลาก

สามารถใส่ Text ก็ได้ โดยพิมพ์ลงบน Artboard ตรงใหนก็ได้ จากนั้นใช้เครื่องมือ Perspective Selection Tool อยู่ที่เดียวกับ Perspective Grid Tool มาคลิกเพื่อลากไปไว้ร่วมกับส่วนทีทำ Vanishing Point ถ้าต้องการแก้ไข ให้ใช้ Selection Tool มาดับเบิ้ลคลิกที่ Text เมื่อแก้ไขเสร็จก็คลิกลูกศรที่อยู่มุมบนซ้าย หรือจะใส่ Symbol ก็ได้ การทำเหมือนกับ Text

การพิมพ์งาน Artwork Printing
เมื่อทำงานเสร็จแล้วต้องการส่งงานให้กับผู้อื่นให้ใช้เมนู File - Print หน้าต่าง Print แสดงขึ้นมา จากนั้นกำหนดค่างต่างๆ ดังนี้

illustrator cs6

Over All Setting

  • Print Preset = สามารถเลือกรูปแบบ Default หรือ ถ้ากำหนดเองก็เลือก Custom
  • Printer = เลือกเครื่องพิมพ์ที่ติดตั้งเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์
  • PPD = เลือก Default (Adobe PDF)
    • General ควรปรับที่
      • Media size = ขนาดกระดาษ
      • Orientation = แนวกระดาษ
      • Placement = ตำแหน่งภาพบนกระดาษ
    • Output ควรปรับที่ 
      • Printer Resolution = ค่าความละเอียดที่ต้องการพิมพ์
    • Summary ควรปรับที่
      • Warning = ตรวจเช็คว่ามีข้อความเตือนอะไรว่าต้องทำการปรับแต่งหรือเปล่า

นอกนั้นทุกอย่างจะปล่อยตามค่า Default จากนั้นเลือก Done ก็จะกลับมาที่หน้างาน แล้งให้ทำการ Save เพื่อในครั้งต้่อจะได้ทำการไปสั่ง Print ได้เลย โปรแกรมจะจำค่าที่ตั้งนี้ไว้ หรือ จะทำการสั่ง Print เลยก็ได้

การ Save Artwork
ใช้เมนู File - Save As ทำการตั้งชื่อ ในส่วนของ Save as type ให้เลือกเป็น Adobe Illustrator (*AI) เมื่อคลิก Save จะไปที่หน้า Option ให้ปล่อยตามค่า Default แล้วกด Save

การ Save File 
บางครั้งการที่โปรแกรมที่ใช้นั้นเป็นเวอร์ชั่นใหม่กว่าผู้อื่นซึ่งใช้เวอร์ชั่นเก่ากว่า อาจทำให้ไม่สามารถเปิดชิ้นงานที่ส่งไปให้ได้ ดังนั้นควรจะมีการปรับการ Save ชิ้นเพื่อให้โปรแกรมรุ่นเก่ากว่าเปิดได้โดยใช้เมนู
File - Save as เมื่อตั้งชื่อแล้วกด Save จากส่วนนี้ให้เลือกในส่วนของ Version ให้เป็นรุ่นที่ต้องการ แต่ถ้าเลือก Version ที่ต่ำกว่ามากอาจทำให้โปรแกรมตัด Attribute ในเวอร์ชั่นใหม่ที่ได้สร้างขึ้นออกไป เพราะฉะนั้นตอนสร้างชิ้นงานควรนึกถึงในส่วนนี้ด้วย

illustrator cs6


การ Saving Template
คือการสร้าง Artwork เพื่อให้เป็นต้นแบบแล้วให้ผู้อื่นสามารถนำไปใช้ได้ เช่น Template ของ นามบัตร ในการสร้างนี้จะต้องทำการล็อคเลเยอร์ของ Object ที่ไม่ต้องการให้เปลี่ยนก่อนทำการ Save ดังนั้นผู้ที่นำไปใช้ จะสามารถแก้ไขเฉพาะส่วนที่กำหนดให้เปลี่ยนได้เท่านั้น เช่น สามารถเปลี่ยนเฉพาะชื่อ แล้วก็สั่งพิมพ์ได้เลย
illustrator cs6

วิธีการทำโดยใช้เมนู File - Save as Template นามสกุลของงานจะเป็น xxx.ait (adobe illustrator template) ส่วน Save as type กำหนดให้เป็น Illustrator Template (*AIT)

วิธีเปิด Template File ทำโดยใช้เมนู File - New from Template แล้วเลือกรูปแบบที่เป็น Preset หรือที่ได้สร้างไว้มาใช้งาน

การ Save ชิ้นงานให้เป็น PDF File
การส่งงานในรูปแบบนี้ดีที่สุด เพราะส่วนมากทุกเครื่องจะมีโปรแกรมอ่าน PDF File วิธีทำคือใช้เมนู File - Save as - PDF จากนั้นตั้งค่าในส่วนต่างๆ
General :
Adobe PDF Preset = เลือกเป็น Illustrator Default แต่ถ้าเลือก PDF/X จะเป็นรูปแบบของโรงพิมพ์, ส่วน Press Quality ดีที่สุด, Smallest File Size เหมาะสำหรับเว็บ
Standard = ระบบจะตั้งให้ตามการเลือกค่า Preset
Compatibility = เป็นการเลือกรูปแบบโปรแกรมที่ใช้ในการอ่านไฟล์
สำหรับส่วนอื่นๆ ก็สามารถตั้งค่าได้อีกมามาย เช่น การตั้งค่า Security ลองปรับตั้งค่ากันดูนะครับ

การ Save for Web
วิธีนี้ใช้เพื่อการลดขนาดชิ้นงานให้เล็กลงเพื่อเหมาะสมกับการใช้งานบนเว็บไซด์ วิธีทำโดยการใช้เมนู File - Save for Web สามารถ Save เป็นไฟล์อะไรก็ได้ เช่น Jpeg, gif, png แต่ถ้าชิ้นงานมี Gradient ประกอบอยู่ด้วยไม่ควรทำเป็น Gif File จากนั้นก็ปรับตั้งค่าให้เหมาะสมกับแต่ละประเภทไฟล์ เพื่อให้ชิ้นงานยังคงรักษารายละเอียด ความสวยงาม

การ Export to be High Resolution Bitmap Image
โดยการ Export เป็น TIFF File ซึ่งเหมาะกับงาน Commercial Print วิธีทำคือเปิดเมนู File - Export - ทำการตั้งชื่อชิ้นงาน และเลือกประเภทเป็น TIFF จะมีหน้าต้าง TIFF Option แสดงขึ้นมาเพื่อทำการตั้งค่าต่างๆ
ตามภาพ ส่วนถ้าเลือก LZW จะทำให้มีการบีบอัดไฟล์งาน

illustrator cs6

การ Copy File to Photoshop
ถ้าต้องการส่งชิ้นงานจากโปรแกรม Illustrator ไปที่โปรแกรม Photoshop เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ สามารถทำได้โดยการ Selection Object แล้วใช้คำสั่ง Copy จากนั้นใช้คำสั่ง Paste ในโปรแกรม Photoshop โดยให้เลือกเป็นแบบ Smart Object

illustrator cs6


ขณที่อยู่ในโปรแกรม Photoshop ถ้าต้องการแก้ไขงานโดยใช้โปรกรม Illustrator ให้ทำการดับเบิ้ลคลิกที่ ไอคอน Smart Object จะทำให้ระบบส่งงานนั้นกลับไปทีโปรกรม Illustrator เมื่อแก้เสร็จแล้วให้ทำการคลิกกากบาทที่ Tab ของชิ้นงานนั้น จะมีหน้าต่างแสดงตามภาพด้านล่าง ให้คลิก Yes ก็จะกลับไปที่โปรแกรม Photoshop อีกครั้ง พร้อมกับอัพเดทชิ้นงานให้ด้วย

illustrator cs6



บทความการใช้งานโปรแกรม Illustrator CS6 ก็ได้เขียนมาครอบคลุมเนื้อหาเรียกได้ว่าทุกส่วน แต่เป็นเพียงการใช้งานขั้นพื้นฐานเท่านั้น จากนั้นก็ขึ้นอยู่กับการฝึกฝนของเราเองนะครับ ที่ผมเขียนบทความนี้เพราะต้องการฝึกฝนใช้งานโปรแกรมนี้ประกอบกับโปรแกรม Photoshop ซึ่งเป็นบทความหลักของเว็บไซด์นี้เท่านั้นครัย แต่ก็จะพยายามเข้ามาอัพเดทให้อยู่ตลอดนะครับ





























วันอังคารที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

โปรแกรม adobe audition cs6




adobe audition cs6



ขอแนะนำโปรแกรมที่ใช้สำหรับตัดแต่งเพลงที่มีประสิทธิภาพการทำงานขั้นเทพกับ Adobe Audition CS6 เหมาะกับการใช้งานร่วมกับการสร้างวีดีโอด้วยโปรแกรม Adobe Premiere Pro CS6

พื้นที่การใช้งาน Workspace
ก็คล้ายกับโปรแกรมทั่วไปในกลุ่มของ Adobe cs6 ที่สามารถคลิก Panel ต่างๆ แล้วลากไปไว้ที่ใหนก็ได้ตามที่ต้องการ และก็สามารถทำการ Reset หรือ สร้างใหม่ของเราเองโดยการเลือก New หรือ Delete Panel ได้ แต่วิธีการลากนั้นจะมีสองแบบ คือ คลิกแล้วลาก หรือ Ctrl + คลิกแล้วลาก ซึ่งแบบหลังนี้จะเห็นกรอบของ Panel ที่ลากออกต่างหาก เมื่อต้องการปรับ Panel ต่างๆ เข้าที่เดิมของแต่ละ Work space ให้กด Reset Work space จากแถบ Work space


adobe audition cs6

การกำหนด Input and Output 
ทำได้โดยการเลือก Edit - Preference - Audio Hardware หรือกดคีย์ลัด Ctrl + Shift + K แล้วเลือก Audio Hardware แต่ปกติไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงอะไร เพราะโปรแกรมจะตรวจสอบระบบคอมพิวเตอร์ที่โปรแกรมติดตั้งอยู่ เช่น Sound Card และทำการกำหนดให้ตามอุปกรณ์ของคอมพิวเตอร์นั้น การทำเช่นนี้ได้ต้องทำเครื่องหมายเลือกที่ Use Machine Specific Device Default



adobe audition cs6


การกำหนด Preference ที่จำเป็น จะมีอยู่ 3 ส่วน ได้แก่
General:
Zoom Factor (Time) = สามารถตั้งเปอร์เซ็นต์การซูม มากน้อยได้ และมีปุ่ม Reset All Warning Dialog ที่ใช้สำหรับคืนการตั้งค่าแบบ Default สำหรับส่วนของ Warning ด้วย
Appearance:
Color = การตั้งค่าสีของ Color Scheme ซึ่งมีทั้ง Preset ที่โปรแกรมได้สร้างไว้ และยังสามารถกำหนดสีได้เอง โดยการคลิกที่ช่องสีในส่วนของ Color และเลือกจากหน้าต่าง Color Picker สำหรับการปรับความสว่างของ Screen สามารถตั้งค่าได้จากการปรับแถบ Brightness
Playback:
ถ้าเลือก Auto Scroll during playback and recording ขณะที่กำลัง Play จะทำการ Scroll ไปตามขนาดความยาวของ Sound Wave ส่วนถ้าเลือกเมนูย่อย Center auto-scrolling...หมายถึงก้าน Playhead จะนิ่งอยู่ตรงกลาง แล้ว Waveform จะเลื่อนไปเรื่อยๆ


โฆษณา
bn 7

การนำเข้าไฟล์เสียง Import and Manage Media 
ทำได้หลายวิธี เช่น การใช้เมนู File - Open หรือ คลิกที่ไอคอน Open File หรือ Import File ซึ่งอยู่ใน File Panel ก็ได้ หรือจะใช้วิธีคลิกขวาบนพื้นที่ในส่วนของ File Panel แล้วเลือก Open หรือ Import รวมทั้งยังสามารถคลิกลาก Audio File โดยตรงจาก Hard Disk มาวางในส่วนของ File Panel ได้อีกด้วย สามารถคลิกเลือกครั้งละหลาย Audio File แล้วลากเข้ามาทีเดียวก็ได้ Audio File จะเรียงไปตาม Track ให้โดยอัตโนมัติ


adobe audition cs6


การแสดง Waveform ในส่วนของ Editor Panel
เริ่มแรกให้เลือกเพลงจาก File Panel แล้วดับเบิ้ลคลิกที่ชื่อเพลงนั้น Editor Panel จะเปิดขึ้นพร้อมกับแสดง Waveform ถ้าต้องการเปิด Waveform สำหรับเพลงอื่น สามารถทำตามขั้นตอนเดิม หรือจะคลิกที่ Editor Panel แล้วเลือกชื่อเพลงจากในส่วนนี้ก็ได้


adobe audition cs6

การเล่นเพลง Play Audio Sound ทำได้สองแบบ 
หนึ่ง คลิกที่เพลงนั้นแล้วกดปุ่ม Play เพลงก็จะเล่นแต่ไม่แสดง Waveform ในส่วนของ Editor Panel ให้เห็น
สอง ดับเบิ้ลที่ชื่อเพลง Editor Panel จะเปิดขึ้นพร้อมกับแสดง Waveform พร้อมกับเล่นเพลง

adobe audition cs6

Auto Play ปุ่มนี้จะอยู่ลำดับที่สามจากรูป ถ้าคลิกเลือกปุ่มนี้แล้วนำไปคลิกที่เพลงใดก็ตาม เพลงนั้นจะเปิดเล่นขึ้นมาทันที

การปิดเพลง 
สามารถใช้เมนู File - Close หรือ เลือกปิดได้จากส่วนของ File Panel โดยการคลิกขวาที่ชื่อเพลงนั้นแล้วเลือก Close หรือเลือกจาก Editor Panel แล้วเลือก Close or Close All ก็ได้เช่นกัน

การลบเพลง
คลิกเลือกเพลงที่จะลบออกจากส่วนของ File Panel แล้วกดปุ่ม Delete หรือ คลิกแล้วมากดปุ่มรูปถังบนแถบของ File Panel ก็ได้

เทคนิค คลิกขวาที่ปุ่ม Play ในส่วนของ Editor Panel สามารถกำหนดเงื่อนไขพิเศษเพิ่มได้สองรูปแบบ

การโหลดเพลงจากแผ่นเข้าสู่โปรแกรม Extract Audio from a CD
เมนู File - Extract Audio from CD ทำการเลือกเพลงที่ต้องการ หรือถ้าเลือกทั้งหมดก็ปล่อยตามค่า Default ของโปรแกรมที่จะทำการเลือก Audio ให้แล้วทุกรายการ แต่ถ้าไม่ต้องการก็สามารถคลิกปุ่ม Toggle All ซึ่งใช้สำหรับคลิกเลือกรายการเพลงทั้งหมด หรือยกเลิกการเลือกทั้งหมด เพื่อจะได้คลิกเลือกรายการเอง สำหรับในส่วนของ Speed ในการโหลด ถ้าต้องการคุณภาพสูงมาก ให้เลือก Speed 1x (176 kbps) แต่ก็จะใช้เวลาในการโหลดนานมาก ถ้าต้องการความเร็ว ให้เลือก Maximum Speed สามารถกดปุ่ม Play ที่ช่อง Track ของแต่ละรายการเพื่อฟังเพลงก่อนที่จะทำการโหลดได้ด้วย ขณะโหลดสามารถเลือกเล่นเพลงที่โหลดเสร็จได้ รายการ Audio ที่โหลดเข้ามาจะแสดงในส่วนของ File Panel

adobe audition cs6

การบันทึกเพลงที่โหลดจาก CD เพื่อเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ 
เพลงต่างๆ ที่โหลดเข้ามาแล้วยังไม่ได้ทำการบันทึกจะมีเครื่องหมายดอกจันทร์กำกับหลังชื่อเพลง และจะถูกเก็บไว้ใน Temp File เท่านั้น เมื่อต้องการบันทึกให้เลือกโดยการคลิกแต่ละเพลงที่ต้องการแล้วเลือก File - Save หรือถ้าต้องการทั้งหมด ให้เลือก File - Save All จะมีหน้าต่าง Save As แสดงขึ้นมาเพื่อให้กำหนดค่าต่างๆ การ Save จะค่อยๆ Save ไปทีละเพลงเมื่อรายชื่อ Audio นั้นแสดงขึ้นก็ให้กดปุ่ม OK ไปเรื่อยๆ จนครบ

adobe audition cs6

การโหลดวีดีโอ Importing Video Files 
โปรแกรม Audition นอกจากใช้สำหรับปรับแต่ง Audio File แล้วยังสามารถที่จะโหลด Video File ได้ด้วย แต่การทำงานกับ Video File นั้นไม่ได้ใช้สำหรับการปรับแต่ง หรือ สร้างวีดีโอ เป็นเพียงใช้สำหรับประกอบการปรับแต่ง Audio File เท่านั้น ส่วนการโหลดนั้นก็ทำวิธีเดียวกับการโหลด Audio File

เมื่อทำการโหลด Video File จะได้ ทั้ง Video File และ Audio File ซึ่งจะแสดงให้เห็นในส่วนของ File Panel  จะมีเครื่องหมายดอกจันทร์ (Asterisk) แสดงที่ Audio File เพื่อแสดงว่ายังไม่ได้ทำการบันทึก และเมื่อดับเบิ้ลคลิกที่ Video File เพื่อที่จะเปิด Video File จะมีหน้าต่างเตือนให้ทำการสร้าง Multitrack Session ก่อนถึงจะทำการเปิดดูได้

adobe audition cs6


การสร้าง  Multitrack Session
เมนู File - New - Multitrack Session จะได้หน้าต่าง New Multitrack Session ให้ตั้งชื่อว่า Video อย่างอื่นไม่ต้องเปลี่ยนค่าอะไร แล้วกด OK ก็จะได้ Video Track ทั้งหมด 6 Tracks แสดงขึ้นมาในส่วนของ Editor Panel พร้อมกับแถบชื่อ video.sesx ที่เราตั้งไว้ก็แสดงขึ้นมาใน File Panel ด้วย จากนั้นให้ทำการคลิก Audio and Video Files ที่โหลดมาทั้งคู่ แล้วลากเข้ามาที่ Video Track ในส่วนของ Editor Panel พร้อมกัน

adobe audition cs6

Session Name = ชื่อไฟล์
Folder Location = Drive ทีจะเก็บ
Template = เลือกตามที่ต้องการ เช่น postcast แต่ละแบบจะมี track ที่ไม่เหมือนกัน


จากภาพด้านบน หลังจากที่คลิกลากเข้ามาแล้ว โปรแกรมจะสร้าง Video Reference Track เพิ่มขึ้นมาให้ จากนั้นให้ปรับแต่ง Workspace เพื่อให้เหมาะสมกับการทำงานเกี่ยวกับ Video โดยให้เปลี่ยนเป็น Edit Audio to Video Workspace เมื่อกด Play ในส่วนของ Video Panel ก็จะเห็นวีดีโอแสดง

adobe audition cs6

การตั้งชื่อ Track
ชื่อในแต่ละ Track สามารถคลิกแล้วเปลี่ยนชื่อได้ และยังสามารถคลิกที่มุมบนซ้ายของ Track เพื่อลากเปลี่ยนตำแหน่งไปยังลำดับที่ต้องการได้

Marker panel
ใช้สำหรับ Mark ตำแหน่งที่ Waveform เพื่อเป็นสัญญลักษณ์ว่าที่จุดนี้ต้องการแก้ไข หรือว่าต้องทำอะไรบางอย่าง จะได้ไม่ต้องเสียเวลาหาตำแหน่งให้เสียเวลา การสร้าง Marker โดยการกดที่ปุ่ม Add Cue Maker ใน Marker Panel (ไอคอนแรกบน Panel) หรือใช้คีย์ลัด M ก็ได้ ถ้าต้องการ Merge Marker ให้คลิกที่แถบของ Marker ที่ต้องการ Merge แล้วกดปุ่ม Merge Select Marker สามารถเพิ่มหรือลดตำแหน่งโดยการลากที่ Start หรือ End และ อื่นใน Panel เพื่อกำหนดได้ สามารถทำการเพิ่ม หรือ ลบได้

adobe audition cs6

Metronome
คือการสร้างจังหวะ โดยการคลิกที่ไอคอน Metronome แล้วกดปุ่ม Play จะได้ยินเสียงจังหวะ ถ้าต้องการเปลี่ยนจังหวะทำโดยเมนู Mulitrack - Metronome - Chnage Sound Type เลือกรูปแบบใหม่ ถ้าต้องการเปลี่ยนความเร็วให้ปรับที่ Time Display ในส่วนของ Tempo ใน Preference หรือจะปรับจากเมนู Window แล้วคลิกลูกศรที่แถบ Time - Time Display ก็ได้

การบันทึกเสียง Recording Audio Single Track 
สิ่งแรกที่ต้องทำ คือ ตั้งค่า Default Input ใน Preference Audio Hardward ให้ตรงกับอุปกรณ์ที่ใช้ก่อน จากนั้นทำการบันทึกโดยใช้เมนู File - New - Audio File หน้าต่าง New Audio File แสดงขึ้นมาเพื่อให้ทำการตั้งชื่อ และรายละเอียดอื่นๆ หลักสำคัญจะต้องตั้งชื่อ แต่ส่วนอื่นปล่อยตามค่า Default ได้  เมื่อพร้อมที่จะบันทึกเสียง ให้กดปุ่มสีแดงก่อนเพื่อบันทึก  และถ้าต้องการหยุดก็กดปุ่ม Stop หรือใช้คีย์ลัดโดยการกด Spacebar ถ้ากด Shift + Spacebar เป็นการเริ่ม  หรือหยุดปุ่มบันทึก

  • การลบเสียงที่ยังไม่บันทึกเป็นไฟล์ ขณะที่ทำการบันทึกแล้วต้องการแก้ไข ซึ่งยังอยู่ในขั้นตอนการบันทึกเสียง ทำได้โดยใช้เมนู Edit - Select  - Select All แล้วกดปุ่ม Delete
  • การเพิ่มเสียงบันทึกในไฟล์เดิม เมื่อต้องการบันทึกเสียงเพิ่มเติม ให้เลื่อน Playhead ไปยังตำแหน่งที่ต้องการ แล้วกดปุ่ม Record

การ Save File
หลังจากทีททำการบันทึกเสียง แต่ยังไม่มีการ Save File ชื่อไฟล์ที่เราสร้างเพื่อบันทึกจะมีเครื่องหมาย * ดอกจันทร์แสดงให้เห็น เพื่อเป็นการช่วยเตือนว่าไฟล์นี้ยังไม่ได้มีการ Save File และเมื่อพร้อมที่จะทำการ Save File ให้ใช้เมนู File - Save หรือ Save As

การสร้าง Multitrack  Audio Track Session
โดยเมนู File - New - Multitrack Session จะได้หน้าต่าง New Multitrack Session ให้ตั้งชื่อที่ต้องการ ในส่วนนี้สามารถใช้วิธีเลือกไฟล์แล้วลากมาที่ Track ที่ต้องการ ส่วน Track อื่นถ้าต้องการทำการบันทึกเสียงก็ให้กดปุ่ม R ที่ Track นั้น แล้วกดบันทึก

การเลื่อน Track สามารถทำการเลื่อนเสียงที่นำมาใส่ หรือเสียงที่บันทึกได้ โดยการคลิกที่รูป Waveform สีเขียวที่อยู่หน้าชื่อ Track นั้น แล้วลากเลื่อนไปยังตำแหน่งต่างๆ ได้ และยังสามารถลากเลื่อนข้าม Track ได้อีกด้วย

การเลือกเพลงใน Multitrack Mode
กรณีที่อยู่ในโหมด Multitrack แล้วต้องการดูเฉพาะ Track นั้นอันเดียว ให้ดับเบิ้ลคลิกชื่อ Audio ในส่วนของ File Panel ก็จะแสดงขึ้นมาอันเดียว เมื่อต้องการกลับไปยัง  Multitrack ก็ดับเบิ้ลคลิกที่ชื่อของไฟล์  Multitrack อีกครั้ง

adobe audition cs6

นามสกุลของ Multitrack Folder
เมื่อทำการ Save File จะประกอบด้วยไฟล์ ชื่อที่เราตั้ง + นามสกุล .sesx ตัวนี้เป็นแค่ที่เก็บไฟล์ Multitrack เท่่านั้น เมื่อทำการคลิกที่โฟลเดอร์ก็จะเห็นไฟล์นามสกุล ชื่อ.pkf ไฟล์นี้เป็นไฟล์ที่เก็บความจำสำหรับวิธีที่ไฟล์เสียงนี้แสดงบนหน้าสกรีนอย่างไรเท่านั้น เพื่อช่วยให้การเปิดไฟล์ได้เร็วขึ้น สามารถลบได้ และตั้งค่าให้ครั้งต่อไปไม่ต้องสร้างไฟล์นี้อีก โดยการไม่เลือกที่ Save Peak File ใน Preference Media and Disk Cache และอีกไฟล์ ชื่อ.wav  ที่ได้สร้างไว้ซึ่งเป็นไฟล์หลัก

การใช้ปุ่ม Scroll บนเม้าส์ ถ้านำไป Scroll ในส่วนของ Track จะเป็นการหดพื่้นที่ แต่ถ้าไปว่างด้านขวาจะเป็นการเลือนขึ้นลงตามปกติ

การปรับความกว้าง หรือ ความสูงของ Waveform (Ampitude / (db) )

  • แถบสี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่แสดงอยู่ในส่วนของ Place Holder ใช้สำหรับปรับ Amplitude สามารถใช้เม้าส์ชี้แล้วเลื่อน หรือคลิกที่ตัวเลขแล้วพิมพ์ตัวเลขโดยตรงก็ได้ หลังจากมีการปรับค่า พื้นที่ในส่วนของ Place Holder จะเป็นสีขาว ให้คลิกพื้นที่ในส่วนของ Place Holder อีกครั้งก็จะหายไป 
  • สามารถทำการปรับเฉพาะส่วนของ Audio File ได้ด้วย โดยการคลิกที่ Waveform ในส่วนของ Place Holder โดยตรงแล้วลากเพื่อกำหนดส่วนของ Waveform จากนั้นใช้เครื่องมือนี้ในการปรับเฉพาะส่วนนี้เพื่อปรับขนาด Ampitude เฉพาะส่วนนั้น
  • ถ้าต้องการปักหมุดในส่วนของ Waveforme ที่เลือกเฉพาะส่วน ให้ทำการเลือก Waveform ก่อน แล้วไปคลิกที่ไอคอนหมุดที่อยู่บนแถบเครื่องมือนี้ เมื่อกด Pin อีกครั้งจะเป็นการปักหมุดที่ส่วนนั้น
adobe audition cs6


การทำ Fading Clip:
ทำได้โดยการลากปุ่มสี่เหลี่ยม ซึ่งมีอยู่สองด้านในส่วนของ Place Holder ด้านซ้าย Fade In และ ด้านขวา Fade Out โดยให้ลากมาทาบส่วนของ Wave ทั้งนี้ยังสามารถกำหนดค่า Value โดยการลากขึ้น หรือ ลง เพื่อจะเพิ่ม และ ลดค่า Value แล้วดูตัวเลขที่แสดงให้เห็นตามต้องการ และยังสามารถกำหนดรูปแบบของเส้น Fade ได้ที่การตั้งค่า Preference ของโปรแกรม โดยกำหนดจาก General เลือกคลิกที่ Default Fade Curve Type ซึ่งมีด้วยกันสองแบบคือ Linear และ Cosine

การทำ Coping, Cutting, and Pasting
เลือก Wave ส่วนที่ต้องการ แล้วเลือกใช้เมนู Edit - Copy / Cut ตามแต่ต้องการ จากนั้นไปคลิกในส่วนที่ต้องการวางในไฟล์เดียวกัน แล้วเลือก Edit - Paste

วิธีการใช้ Clipboard หลายส่วน
การคัดลอกครั้งแรก จะนำไปเก็บไว้ที่ Clipboard จนกว่าจะมีการ Paste ข้อมูลใน Clipboard นั้นก็จะหายไปเพื่อรอรับข้อมูลใหม่ แต่ถ้าการคัดลอกต้องการทำครั้งละหลายส่วนในคราวเดียวกัน นั่นหมายถึงต้องการใช้ Clipboard หลายส่วนในการเก็บข้อมุล (ใช้ได้ทั้งหมด 5 Clipboard) ก็ทำได้เช่นกันโดยก่อนทำการคัดลอกครั้งที่สอง ให้เลือก Clipboard ที่จะเก็บก่อน โดยการใช้เมนู Edit - Set Current Clipboard แล้วจึงทำการคัดลอก หรือ ตัด การคัดลอกควรทำตามลำดับที่เราต้องการวางด้วย ไม่นั้นจะไม่สามารถเลือก Clipboard ที่ต้องการวางได้ถูกลำดับ

การวาง Paste 
หลังจากทำการคัดลอกโดยวิธีด้านบนแล้ว ให้เลือก Clipboard ทีเราเก็บไว้แล้วจะนำมาวาง จากนั้นเลือกวาง โดย Edit - Paste หลังจากการวางครั้งแรก ให้เลือก ปุ่ม Move Playhead to Next หมายถึงให้ Playhead ไปอยู่ในตำแหน่งปลายสุดของส่วนแรกที่วาง (ปุ่มลูกศรชี้ทางขวาที่มีเส้นขีดแนวตั้งด้านปลายลูกศร)

adobe audition cs6


การเปิดพื้นที่ใหม่พร้อมกับการวาง 
หลังจากที่มีการคัดลอก และต้องการที่จะวาง แต่การวางนี้ต้องการวางในไฟล์ใหม่ที่จะมีเฉพาะส่วนนี้ สามารถทำได้โดยการใช้เมนู Edit - Copy to New หรือ Edit -  Paste to New การทำเช่นนี้เป็นการสั่งให้ส่วนที่ทำการคัดลอกให้ไปวางไว้ใน File Audio ใหม่ โปรแกรมจะสร้างไฟล์ชื่อ Untitled ขึ้นมาให้ และถ้าต้องการบันทึกเก็บไว้ ก็เลือก File - Save แล้วตั้งชื่อไฟล์ตามที่ต้องการ

การ Crop Waveform
คือการตัดให้เหลือ Audio เฉพาะส่วนที่เราต้องการเท่านัน ทำได้โดยให้ลากคลุม Waveform ในส่วนที่ต้องการ จากนั้นใช้เมนู Edit - Crop

การ Delete
หลังจากเลือกส่วนที่ต้องการลบทิ้งแล้ว ใช้เมนู Edit - Delete หรือกดปุ่ม Delete โดยตรงก็ได้

การทำ Undo / Redo 
เหมือนกับโปรแกรมทั่วไปที่มีขั้นตอนให้เลือกเพื่อที่จะทำการ Undo / Redo โดยการใช้เมนู Edit - Undo / Redo หรือ ใช้กดปุ่ม Ctrl Z ( Undo) หรือ Ctrl + Shift + Z (Redo) ส่วน Edit - Repeat Last Command + (การกระทำก่อนหน้า) เป็นการสั่งให้ทำตามคำสั่งเดิมซ้ำอีกครั้ง Crtl + R

การย้อนกลับคำสั่งโดยการใช้ History panel
โปรแกรมนี้ก็มี History Panel เช่นกัน ในส่วนนี้เป็นที่เก็บขั้นตอนการทำงาน หรือ คำสั่งต่างๆ ซึ่งสามารถใช้ในการกลับไปยังขั้นตอนก่อนหน้าได้โดยการคลิกที่ขั้นตอนนั้นๆ  เพื่อย้อนขึ้นในแต่ละขั้นได้ แต่ถ้าต้องการลบขั้นตอนใน History Panel ให้คลิกที่ส่วนนั้นแล้วมาคลิกที่รูปถัง หรือกดปุ่ม Delete ถ้าต้องการเคลีย History ให้กดปุ่มลูกศรบนแถบ History Panel แล้วเลือก Clear History

การใส่ Silence 
ถ้าต้องการให้ Audio ส่วนนั้นไม่มีเสียง สามารถทำการปิดเสียงเฉพาะส่วนนั้นได้โดยการทำ Silence โดยการใช้เมนู Edit - Insert - Silence จากนั้นใส่เวลาที่ต้องการ Silence หรือจะใช้วิธีลากคลุก Waveform ที่ส่วนนั้นแล้วจึงมีใส่คำสั่งก็ได้เช่นกัน

การใช้เครื่องมือในการตัดเสียงรบกวนด้วย Selection Tool
ก่อนทำควรขยาย Spectral ให้กว้างมากๆ เมื่อคลิกเลือกไอคอน Show Spectral Frequency ที่อยู่ด้านบนของแถบเครื่องมือเครื่องมือ ลักษณะการใช้เครื่องมือเหมือนกับการทำใน Selection ในโปรแกรม Photoshop เครื่องมือ Selection มีด้วยกัน 5 รูปแบบ

adobe audition cs6

เมื่อสร้าง Selection คลุมในส่วนของเสียงรบกวนที่ต้องการตัดออกแล้ว สามารถลากปรับขนาด หรือเลื่อนย้ายที่ได้ จากนั้นให้กดปุ่ม Delete ส่วนที่เป็นเสียงรบกวน หรือเสียงที่ไม่ต้องการนั้นก็จะถูกแก้ไขโดยการลบออกไปจาก Audio File ทั้งนี้ต้องทำเฉพาะในส่วนของ Spectral เท่านั้น

สำหรับ Spot Healing Brush จะเป็นการทาเพื่อรักษาในส่วนที่บกพร่องไม่ใช่ตัดออก ถ้าเป็น Brush Tool สามารถกำหนดขนาดและ Opacity ได้ (opacity เหมือนกับความรุนแรงในการเกิดผล) ถ้าเป็นจุดบกพร่องเล็กน้อย ใช้ Spot Healing จะดีกว่า

การตัดเสียงสภาพแวดล้อม Removing Background Noise
การบันทึกเสียง เช่น การสัมภาษณ์ มักจะมีเสียงสภาพแวดล้อมรบกวนเข้ามาใน Audio File ด้วย วิธีการไขทำได้โดยการตัดเสียงนั้นออกไป แต่ก่อนอื่นให้ทำการคลิกเลือกในส่่วนที่คิดว่าเป็นเสียง Background จากนั้นใช้เมนู Effect - Noise Reduction  / Restoration - Capture Noise Print จะมีหน้าต่างแจ้งว่า ส่วนนี้จะถูกเก็บเป็น Noise Print กด OK

หลังจากทำขั้นตอนแรกในการ Capture Noise แล้ว ให้เลือก Effect - Noise Reduction  / Restoration - Noise Reduction (process) จะมีหน้าต่าง Effect - Noise Reduction แสดงขึ้นมา ก่อนทำการปรับสิ่งต่างๆ ให้แน่ใจว่าปุ่ม Power บนหน้าต่างนี้เปิดอยู่ (ปุ่มด้านล่างซ้าย เมื่อเปิดจะแสดงเป็นแสงสีเขียว) เมื่อตั้งค่าการปรับเรียบร้อยแล้ว มีการทดสอบได้หลายวิธีว่าเสียง Background นั้นได้หายไปหรือยัง โดยให้เลื่อน Playhead ไปยังจุดเริ่มต้นแล้วลอง Play หรือให้ทำการสลับการเปิดและปิดปุ่ม Power บนหน้าต่างนี้แล้วลองเปิด Play ถ้ายังไม่หายให้ทำการปรับโดยใช้แถบ Noise Reduction และ Reduce By หรือจะคลิกที่เส้นสีม่วง และลากกำหนดจุดเองก็ได้ ถ้าเสียง Background หายไปหมดแล้วให้กดปุ่ม Select Entire File และปุ่ม Apply จากนั้นก็กดปุ่ม Close เพื่อปิดหน้าต่างนี้

adobe audition cs6


การใส่ Effect
ทำได้โดยการเลือกเมนู Effect แล้วเลือก Effect ที่ต้องการ ซึ่งจะใช้ได้ตั้งแต่ในส่วนของ Ampitude and Compression ไปถึง VST3 (Effect แต่ละแบบจะมี Preset สร้างไว้ให้) หรือ จะใช้ใส่ Effect โดยสร้างขึ้นจาก Effect Rack Panel โดยคลิกที่เครื่องหมายลูกศรซึ่งอยู่ในส่วนท้ายแล้วเลือก Effect จากนั้นให้กำหนด Input and Output เพื่อใส่ Effect เข้าไปใน Audio File เมื่อได้ตามต้องการแล้ว ให้เลือกกำหนด เป็น Selection Only หรือ Entire File ในส่วนของ Process Tab แล้วกดปุ่ม Apply จากนั้นให้ Save File (สามารถใส่ Effect โดยการกำหนดช่วง หรือถ้าไม่กำหนดก็จะเป็นใส่ Effect ให้กับทั้ง Audio File)

adobe audition cs6


การ Recoding and Importing Audio ใน Multitrack
ขั้นแรกของการ Record ให้คลิกที่แถบ Inputs/Outputs ที่มีเครื่องหมายลูกศรชี้สลับกันสองด้าน จากนั้นมาคลิกที่แถบ Input เพื่อเลือกเป็น Stereo - Default จากนั้นคลิกเลือกปุ่ม R แล้วกดบันทึกไอคอนบันทึกซึ่งอยู่ที่แถบด้านล่างของ Place Holder
  • ถ้าคลิกไอคอน M = ปิดเสียง (Mute)
  • ถ้าคลิกไอคอน S = ใช้สำหรับควบคุมการเปิด หรือ ปิด เสียงของแต่ละ Track (ปุ่ม I จะใช้ได้เมื่อคลิกปุ่ม R เป็นการใช้ร่วมกัน)

adobe audition cs6

adobe audition cs6

adobe audition cs6


ปุ่ม fx = เมื่อคลิกที่ปุ่มนี้แล้ง ให้คลิกที่ลูกศรในแต่ละแถบของ fx เพื่อให้แสดง Effect ในส่วนของ Track รายการต่างๆ เหมือนกับใน Effect Rack


adobe audition cs6


ปุ่ม Sends = สำหรับการปรับตั้งเสียงเพื่อใช้กับ Headphone


adobe audition cs6


ปุ่ม EQ = เมื่อคลิกที่ไอคอนรูปดินสอ หน้าต่าง Track EQ จะแสดงขึ้นมา เพื่อทำการกำหนดจุด EQ โดยสามารถคลิกที่แต่ละจุดที่มีตัวเลขกำกับเพื่อปรับแต่งระดับ EQ ได้

adobe audition cs6


การ Trim Audio Clib
ทำโดยการคลิกที่ส่วนต้น หรือ ปลายของ Audio Track จะมีเครื่องหมายแสดงขึ้นมา ให้คลิกแล้วลาก และยังสามารถคลิกเลื่อนที่ตัว Wave ไปมาได้อีกด้วย เมื่อทำการ trim แล้ว ต้องการเลื่อน Wave ให้ใช้เครื่องมือ Slip Tool ( Y ) คลิกลากในส่วนของตัว Wave

การลบ Wave โดยใช้เครื่องมือ Razor tool
เครื่องมือ Razor Tool ประกอบด้วย Razor Selected Clips Tool และ Razor All Clips Tool
วิธีใช้ เมื่อเลือกเครื่องมือแล้วให้ทำการคลิกจุดเริ่มต้นที่ต้องการ Razor แล้วไปคลิกที่จุดสุดท้าย แต่ต้องระวังอย่างไปคลิกที่เส้นตรงกลาง (volume line) ซึ่งเมื่อนำเม้าส์ไปยังเส้นจะเห็นเครื่องหมาย + ต้องทำการคลิกในส่วนที่ตรงกับพื้นที่ของ Wave เท่านั้น จากนั้นให้เปลี่ยนเป็น Move tool (เครื่องหมายหัวลูกศรที่อยู่กอ่น Razor Tool จากนั้นคลิกที่หัวของส่วนที่ต้องการ Razor แล้วกด Delete เมื่อ Delete แล้วเราต้องเลื่อน Wave สองส่วนให้มารวมกัน โดยการคลิกขวาที่แถบ Timeline แล้วเลือก Sanpping - Enbled ให้แน่ใจว่า Enabled ได้ทำเครื่องหมายเลือกไว้ หรือสามารถกดไอคอน Snap ที่บนแถบเครื่องมือ (รูปแม่เหล็ก) และเครื่องหมายของ Snap ที่ต้องการได้ถูกเลือกไว้ เช่น กรณีนี้ให้แน่ใจว่า Sanp to Clips ได้ถูกเลือก จากนั้นเมื่อเลื่อน Track ทั้งสองส่วนจะ Snap ติดกันได้ดี แต่ก็ต้องระวังอย่าให้เหลื่อมกัน เทคนิคอีกอย่างคือให้กด Shift + Delete แทนกด Delete เพราะจะทำให้ทั้งสอง track มา Snap ติดกันได้เลย หรืออีกวิธีคือ เมื่อก Delete แล้ว ให้คลิกขวาในส่วนที่ว่างที่ตัดออก แล้วเลือก Ripple Delete - Gap

คำสั่ง Nudge left / Nudge right เป็นคำสั่งการเลื่อก Track ไปทางซ้าย หรือ ขวา วิธีใช้โดยคลิกที่ Track แล้วใช้เมนู Clip - Nudge left หรือ Nudge right

การพิมพ์ตัวเลขใส่ แทนการเลื่อนจะทำให้เกิดความแม่นยำของเวลามากขึ้น

Properties Panel = เมื่อคลิกที่ Track แล้วมาคลิกที่ Properties Panel จะเห็นรายละเอียดของ Track นั้น

การรวมกลุ่ม Grouping Clips 
ก่อนอื่นให้คลิกที่ Move Tool จากนั้นนำมาลากระหว่าง Track ที่ต้องการรวม เหมือนการลาก Selection แต่ไม่ต้องลากคลุมทั้งหมด ทำเหมือนการเลือกไฟล์ในคอมพิวเตอร์เท่านั้น จากนั้นใช้เมนู Clip - Groups - Group Clips สีของ Track ที่เลือกก็จะเปลี่ยนเป็นสีเดียวกัน พร้อมมีสัญญลักษณ์ที่มุมด้านล่างซ้ายของ Track ถ้าต้องการแยกออกให้ทำตามขั้นตอนเดิมอีกครั้ง สังเกตุในส่วนของ Properties Panel จะมีแถบ Group แสดงให้เห็นด้วย ถ้าต้องการแยกชั่วคราว ให้เลือกคำสั่ง Suspend ซึ่งอยู่ถัดจากคำสั่ง Group เมื่อเสร็จแล้วก็ใช้คำสั่ง Suspend อีกครั้ง ถ้ามีการเปลี่ยนระหว่าง Group และ Suspend เมื่อเลือกแล้ว ให้คลิกที่พื้นที่่ว่างก่อนหนึ่งครั้ง ถึงจะทำการลากได้ (ใช้คีย์ลัดสะดวกกว่า) ประโยชน์คือจะทำให้การเลื่อน Track หรือ Trim Track ไปได้พร้อมกันเมื่อคลิกเลื่อน Track ใด

adobe audition cs6


การสร้าง Bus Groups
เหมาะกับ Multitrack ที่มีจำนวนมาก แล้วต้องการสร้าง Bus track ขึ้นมาเพื่อควบคุมเฉพาะ Track ที่กำหนดให้อยู่ในการควบคุมของ Bus track การทำคือ คลิกที่ Output - Bus เลือกรูปแบบที่ต้องการ จากนั้นกำหนดให้ Track ที่ต้องการควบคุมมีชื่อที่เหมือนกัน

ขั้นตอนการทำ Bus Groups ก่อนอื่นต้องกำหนดสอง Track ที่เราต้องการทำ Bus ก่อน จากนั้นให้คลิกเลือกในส่วนแถบ Master Output - Bus - Add Bus เลือกรูปแบบ / ในแถบ Output นี้ก็จะเปลี่ยนเป็นชื่อ Bus A พร้อมทั้งมีการสร้าง Track Bus A ขึ้นมาให้ถัดจาก Track ที่เรากำหนดนี้ ซึ่งจะอยู่ระหว่างกลางสอง Track ที่เรากำหนด Track Bus A นี้ไม่สามารถทำอะไรได้ เช่น การใส่เพลง การบันทึก ... โดยให้สังเกตุจากไอคอน R จะไม่มีใน Track นี้ และเครื่องหมายก็จะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองแทนสีเขียว เป็นเครื่องหมายการรวมของ Track ให้เหลือ Track เดียว ชื่อ Output Master ก็จะเป็นเปลี่ยนเป็น ชื่อ Track + คำว่า Bus

จากนั้นมากำหนดที่ Output Master ของ Track ทีสองที่เราต้องการกำหนด เมื่อคลิกลูกศรแล้วให้เลือก ชื่อที่เหมือนกับชื่อใน Output Master ที่ได้เปลี่ยนไป ถึงตอนนี้ชื่อใน Output Master ของสอง Track ที่เราต้องการใช้ก็จะเหมือนกัน ต่อไปให้เลื่อน Track ทั้งสองให้อยู่เหนือ Track Bus

ต่อไปให้ทำการปรับจาก Bus Track เมื่อเปลี่ยนอะไรก็จะไปกระทบกับทั้งสอง Track เช่นการเพิ่ม Effect หรือ การปรับเสียง ...ที่เราได้กำหนดไว้ โดยสังเกตุช่อง Level ในส่วนของ Bus Track จะมีสองเส้น ใน Bus track ช่อง Input จะต้องแสดงเป็น Master

การสร้าง Routing and Working with Sends
ไอคอน Sends คือรูปลูกศรชี้ทางขวาและลงร่วมกัน อยู่ถัดจาดไอคอน Effect เมื่อคลิกที่ไอคอนนี้ จะแสดงขึ้นมาในทุก Track หน้าตาของ Track ก็จะเปลี่ยนตามภาพ การทำแบบนี้เมื่อต้องการส่งเสียงนี้ใช้กับ Headphone

adobe audition cs6


วิธีทำโดยการคลิกที่ แถบ S1 - Add Bus เลือกรูปแบบ เช่น Stereo แถบชื่อ S1 จะเปลี่ยนเป็น S1: Bus A, B หรือ C แล้วแต่ว่าขณะนั้นมีได้สร้าง Bus อะไรไว้ จากนั้นก็จะมีการเสร้าง Track Bus ... นั้นขึ้นมาเช่นกัน ให้เปลี่ยนชื่อของ Track Bus...นั้นเป็นชื่อที่เราต้องการส่ง เช่นเปลี่ยนเป็น Headphone Mixed ซึ่งจะทำให้ Output Track ของ S1 Bus..นั้น เปลี่ยนชื่อตามไปด้วย

การใช้ Automation เพื่อปรับ Volume
จะใชักับ Multitrack เช่นการปรับเส้น Volume ให้มีระดับเสียงที่ต่างจาก Wave ที่แสดง โดยการคลิกลากเส้น Volume ให้มีระดับเดียวกับ Wave จากนั้น คลิกทีเส้น Volume จะเกิดจุดซึ่งเรียกว่า Keyframe จากนั้นลากจุดเพื่อปรับระดับเสียงให้ดัง หรือ เบา กว่า Wave ได้ ถ้าต้องการแก้ไข หรือ ลบ Keyframe ให้คลิกขวาที่จุด แล้วเลือกคำสั่งต่าง ๆ

adobe audition cs6

การใช้ Automation เพื่อปรับ Pan
จะใชักับ Multitrack การปรับนี้เพื่อทำให้เสียงออก Channel ซ้าย หรือ ขวา โดยการลากขึ้นลง หรือกำหนดจุด ได้เหมือนกับ Volume แต่ในส่วนของ Pan ไม่ต้องลากเส้นไปให้เท่ากับระดับของ Wave

การอ่านเส้น Volume and Pan
จะใช้แถบ Read ในการอ่าน เช่น ถ้าเราต้องการเปลี่ยนจาก Read เป็น Off, Write, Latch, Touch ทำโดยคลิกที่แถบ Read แล้วเลือกรูปแบบที่ต้องการ แต่รูปแบบสามส่วนนี้ Write, Latch, Touch จะปรับได้เมื่อเล่นเพลง แล้วทำการปรับเช่นปรับเสียงก็ให้นำเม้าส์ไปเลื่อนที่ไอคอน Volume หรือ Pan ไปมาเป็นต้น

adobe audition cs6

การทำ Pre-Render Tracks
คือการช่วยการทำงานของ CPU เพราะการสร้าง Audio Track ที่มีจำนวนมากจะทำให้คอมพิวเตอร์ต้องทำงานหนัก ยิ่งถ้าเป็นคอมฯ สเปคต่ำ แต่โปรแกรมนี้มีตัวช่วยคือ Pre-Render Track ซึ่งอยู่ในส่วนของการใส่ Effect เพราะบาง Effect ที่ใช้นั้น คอมฯ ต้องทำงานหนักมาก การใช้ Pre-Render Track จะลดภาระได้โดยทุกครั้งที่มีการทำอะไรกับ Track มันจะสร้าง Wav File ขึ้นมา

การ Export Mix Sound ใน Multitrack
เมนู File - Export - Multitrack Mixdown - Entire Session จะมีหน้าต่างแสดงขึ้นมา ให้ทำการตั้งชื่อ เลือกที่เก็บ ส่วน Format หรือประเภทของ Audio นั้น ถ้าเลือกเป็น Wav, Aiff จะทำให้มีเสียงที่ดี เพราะไม่มีการบีบอัด แต่ไฟล์จะมีขนาดใหญ่ ถ้าต้องการให้ไฟล์เล็กลง ให้เลือก MP3 และเหมาะกับการส่งอีเมล์ / ในส่วนของ Mixdown Option สามารถเลือกได้ว่าต้องการส่ง Track ใด

adobe audition cs6

การ Export the Session
คือการนำชิ้นงาน Multitrack จากเครื่องที่สร้าง เพื่อนำไปเปิดกับคอมพิวเตอร์อื่นเพื่อเปิดชิ้นงานนั้นมาแก้ไข หรือเพิ่มเติมได้ นามสกุลของไฟล์จะเป็น ชื่อ.sesx  วิธี Export ทำได้โดยใช้เมนู File - Export - Session จะได้หน้าต่าง Export Session ทำการตั้งค่า และให้แน่ใจว่าได้ทำเครื่องหมายเลือก ที่ Include marker and other metadata in session และ Save copies of associated file

adobe audition cs6


การ Burning the Mix to CD (One Track)
เมนู File - Export - Burn audio to CD ทุกอย่างไม่ต้องเปลี่ยน ปล่อยตาม Default ระบบจะตรวจสอบแผ่น CD ให้ก่อนที่จะทำการ Burn ถ้าทุกอย่างไม่มีปัญหาอะไร ก็กดปุ่ม OK

adobe audition cs6


การ Burning the Mix to CD (More Than One Track)
เมนู File - New - CD Layout จากนั้นลากเพลงในส่วนของ File Panel มาไว้ในส่วนของ Layout  หรือจะคลิกขวาที่ชื่อเพลงแล้วเลือก Insert into CD Layout ในขั้นตอนนี้สามารถเลือกได้ว่าจะใส่ที่ Layout เดิม หรือ Layout ใหม่ก็ได้ โดยการเลือกชื่อ Layout ที่เราเปิดมาแล้ว หรือเลือกเป็น New CD Layout

สามารถกำหนดในส่วนของ Pause คั่นระหว่างเพลงได้ด้วย และถ้าต้องการดูรายละเอียดของเพลง ก็ให้คลิกที่ชื่อเพลง แล้วมาดูที่ Properties Panel

adobe audition cs6

จากนั้นใหัคลิกที่ Burn Audio to CD ซึ่งอยู่ด้านล่างขวาของ layout ทุกอย่างไม่ต้องเปลี่ยน ปล่อยตาม Default ถ้าต้องการให้คุณภาพเสียงดี ไม่ควรเลือก Speed ที่เร็วนัก (Speed ตัวเลขยิ่งมากยิ่งเร็ว)

การสร้างงานวีดีโอในโปรแกรม Audition เพื่อส่งต่อไปโปรแกรม Premiere Pro
โปรแกรมนี้ใช้สำหรับการปรับแต่ง Audio Clip เท่านั้น ส่วน Video นั้นมีไว้สำหรับประกอบการปรับแต่ง Audio เพราะ Video File ไม่สามารถปรับแต่งได้ การสร้างชิ้นงาน Video ต้องทำใน Mode Multitack (sample rate video = 48000) เมื่อสร้างชิ้นงานเสร็จแล้ว ไม่สามารถทำการบันทึกชิ้นงานได้ ทำได้เพียงการ Export Multitrack ไฟล์ที่ได้ก็จะเป็นเพียงไฟล์เสียงเท่านั้น

การลากวีดีโอเข้ามาที่ Track ให้คลิกแล้วลากมาตรงชื่อของ Track นั้นแล้วปล่อยเม้าส์ ก็จะได้ Video Track ขึ้นมาเหนือ Audio Track นั้น หรือจะใช้เมนู Mulitrack - Track - Add Video Track ก็ได้ อย่าลืมเปิด Video Panel ด้วย

การ Export Multitrack to Premiere Pro 
เมื่อสร้างชิ้นงานโดยใส่เสียงให้กับวีดีโอเรียบร้อยแล้ว ให้ทำการ Export โดยใช้เมนู Multitrack - Export to Adobe Premiere Pro จะได้หน้าต่างขึ้นมาเพื่อให้ทำการตั้งค่าตามที่ต้องการ แต่ถ้าไม่ต้องการตั้งอะไรพิเศษ ก็ปล่อยตามค่า Default แต่มีสองส่วนที่ควรรู้คือ ถ้าไฟล์ทีส่งไปนั้นต้องการที่จะนำไปปรับแต่งต่อก็ให้คลิกเลือกที่ Export each track as stem แต่ถ้าชิ้นงานนี้เป็นชิ้นงานที่สมบูรณ์แล้วให้เลือก Mixdown session to: และ เลือกประเภทเป็น mono, stereo or 5.1 file ตามที่ต้องการ

  • ถ้าไฟล์นี้มีการทำ Bus ให้คลิกเลือกที่ช่อง Export each bus as stem
  • ถ้าขณะทีส่งไฟล์แล้วยังไม่ได้เปิดโปรแกรม Premiere Pro จะต้องมีขั้นตอนการเลือกไฟล์ให้กับโปรแกรมก่อน
  • ถ้าเป็นการเพิ่มไฟล์ให้กับงานเดิม โปรแกรม Premiere Pro จะถามว่าให้วางไว้ที่ New Track หรือ Track ใดในชิ้นงาน

การ Import file
เมนู File - Import - File เลือกไฟล์ที่ต้องการ import เช่น ถ้า Import จาก Premiere Pro ต้องเลือกไฟล์นามสกุล xml

การทำ Speech Alignment:
คือการนำไฟล์เสียงมาปรับแต่งกับไฟล์วีดีโอ บางครั้งไฟล์เสียงที่อัดไว้ไม่ Align กับปากที่ขยับ วิธีการทำโดยเริ่มต้นให้ทำการเลือกไฟล์เสียงในวีดีโอ กับไฟล์เสียงใหม่ที่อัดไว้ แล้วใช้เมนู Clip - Automatic Speech Alignment จากนั้นทำการตั้งค่าต่างๆ ตามรายละเอียด

  • Refference Clip ให้เลือกไฟล์เสียงเดิมที่มากับวีดีโอ
  • Reference Channel เลือกซ้ายหรือขวาก็ได้ เพราะระบบ Stereo ไม่มีผลต่างกัน
  • Alignment ตัวนี้ให้เลือกเป็น Balance Alignment and Stretching ก่อนถ้าไม่ดีค่อยมาเปลี่ยนใช้ตัวอื่น
    • tightest = มีการ sync ดีที่สุด แต่เสียงไม่เป็นธรรมชาติ 
    • balanced = ตรงกลางระหว่างสองตัวนี้ 
    • smooth = เสียงค่อนข้างธรรมชาติแต่การ sync ไม่ค่อยดี 

จากนั้นให้แน่ใจว่าได้เลือก Reference Clip is Noisy and Add Aligned Clip to New Track จากนั้นจะเข้าระบบการ Align และจะมี Track ใหม่เกิดขึ้นระหว่างไฟล์เสียงที่เราเลือกไว้ให้ Align

การสร้าง Surround Track
โดยเลือกที่เมนู File - New - Multitrack Session เลือก Master จากหน้าต่าง New Multitrack Session เป็น 5.1 แล้วกด OK จากนั้นมาทำการเปิดเครื่องมือโดยดับเบิ้ลคลิกที่ไอคอนรูปวงกลม Track Panner Panel ปุ่ม Ls Rs คือ left and right speaker ปุ่มสีขาวตรงกลางสามารถคลิกเพื่อเลื่อน radius ได้ ส่วน angle ใช้สำหรับเลือนก้านของ L and R

adobe audition cs6


adobe audition cs6



สำหรับโปรแกรม Adobe Audition ก็จพอสรุปบทความการใช้งานคร่าวๆ ได้ประมาณนี้ครับ ถ้ามีอะไรใหม่จะพยายามเข้ามาอัพเดทให้ต่อไป